Albrecht’s
Law
ผมได้ใช้เวลากับชีวิตการงานมีความชำนาญที่ผ่านมาถึง 25 ปี
ในส่วนขององค์กรที่ขี้เกียจเป็นบริษัทที่มีความสับสน หักล้างประหัดประหาร
และโกรธแค้นแก่งแย่ง
ผู้ที่สบายคือผู้ที่อยู่ในส่วนของความสิ้นหวังไม่มีอะไรจะให้หวังอีกแล้ว
ผมเห็นคนฉลาด คนกระตือรืนร้น คนผลักดันกลับกลายเป็นคนชอบกีดกันผู้อื่น
หลังจากที่มีความพยายามหลายปี
ในการต่อสู้กับผู้ที่ไม่รักงานหรือทำงานแบบราชการที่ไม่มีชีวิตจิตใจ
กลุ่มโง่เป็นกลุ่มปกติ
หลังจากที่มีประสบการณ์ด้านที่ปรึกษา 7 ปีจากนั้น เป็นทหารประจำการ 2 ปี
แล้วเป็นผู้จัดการโปรแกรมพลเรือนกับรัฐบาลกลางของ USA อีก 2 ปี
หลังจากนั้นเป็นผู้จัดการเทคนิคการตลาดของบริษัทผลิตเครื่องบิน
คนฉลาดเมื่อรวมเข้ากับองค์กรจะพยายามที่จะเป็นกลุ่มโง่ ว่าไปแล้วก็รุนแรง
และอาจจะถ่อมตัวนิดหน่อยหลังจากทำงาน 25 ปีแล้วก็หยุดพัก Stand-By
กลุ่มขาดความสามารถเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตของบริษัท
คนที่ฉลาดทำให้มันเกิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นผู้นำจะแสดงพฤติกรรมออกมา
ธุรกิจทุกวันนี้เป็นความพยายามกับความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อน
แข่งขันแบบซับซ้อน และตลาดการค้าโลกที่มีความคดโกง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน
USA ต้องลดต้นทุน คิดใหม่ปรับโครงสร้างใหม่ ขจัดคนที่ไม่ทำงาน
และให้เงินแก่พนักงานในอัตราสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในปี ค.ศ. 2000
ที่ผ่านมาได้ปรับเงินเดือนในส่วนที่เป็นธุรกิจหลักๆ แทบทั้งหมด
เป็นการสร้างโอกาสให้บริษัทประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น
โดยทำให้พนักงานฉลาดขึ้นจากการสอบ ให้พนักงานไม่ใช้แรงงาน
มามีพลังด้านความคิดมากขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพ
เพิ่มผลผลิต และเพิ่มกำไร
ใน USA จะมีระบบการหมุนเวียนเอกสารธุรกิจ, ข่าวธุรกิจ,
หนังสือบริหารและโปรแกรมอบรม หมุนเวียนในหน่วยงานไปอย่างต่อเนื่อง
ในรายงานประจำปีก็มีข้อความเกี่ยวกับพนักงานว่า
พนักงานเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญของบริษัท
คนของเราเป็นผู้สร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้น บริษัทคือคนและทำให้แก่คน
ในส่วนของลูกค้าเขียนว่าลูกค้าทำให้เราเป็นเช่นดั่งที่เราเห็น
และเราอยู่เพื่อบริการลูกค้า ให้ความรู้สึกว่าธุรกิจเติบโตโดยเป็นภาพรวม
(ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งในองค์กร)
แม้แต่ธุรกิจที่ทำด้วยระบบคอมพิวเตอร์ทุกอย่างและ Software
เราก็ยังต้องใช้องค์กร ใช้โครงสร้าง
และขบวนการทั้งหมดนี้ก็ยังขาดประสิทธิภาพ
และมีการสูญเสียการทำธุรกิจโดยไม่ใช่คน
ผลปฏิบัติงานของการจัดการธุรกิจจะมีประสิทธิภาพขึ้นกับการใช้พลังสมอง,
แรงกระตุ้นและความรู้สึก และคำมั่นสัญญาอย่างน้อยได้เรียนรู้องค์กร
เข้าร่วมกัน และขยายกำลังสมองมากขึ้นเพื่อเพิ่มกำไรในการจ้างสินทรัพย์
เมื่อช่างเทคนิคทำงานบริษัทระบบพลังนิวเคลียร์
แกนควบคุมที่ทำด้วยโลหะกราไฟต์ที่ใช้ปรับเปลี่ยนอัตราการเกิดปฏิกริยาของนิวเคลียร์ซึ่งมีขนาดโตเกินไป
เมื่อเทียบกับรูที่ใส่ทำให้เชื้อเพลิงนิวเคลียร์อุดตัน (ไม่ไหล)
หน่วยออกแบบระบบเชื้อเพลิงได้ตรวจสอบพบว่าขนาดของแกนควบคุมจะต้องแก้ไขขนาดใหม่แต่ไม่ได้บอกกล่าวแก่ผู้ตรวจสอบพบว่า
ขนาดของแกนควบคุมให้เปลี่ยนแบบใหม่ ทั้งๆ ที่ผู้ออกแบบทั้ง 2
คนนั่งที่หน่วยงานของตนในแต่ละหน่วยงาน ซึ่งโต๊ะอยู่ห่างกันไม่เกิน 10
เมตร
โดยนั่งทำงานของตนเองที่ได้รับมอบหมายเป็นเวลาหลายเดือนอันนี้เป็นความโง่เขลาที่ไม่ช่วยกันแก้ไขปัญหา
ใครก็ตามที่ตั้งใจและจำได้ว่าการทุจริตในหน้าที่การทำงานผิดพลาดและจัดองค์กรผิดพลาดนั้นทำให้เกิดค่าใช้จ่ายสำหรับบริษัทดังนั้น
กลุ่มโง่จะทำให้เกิดการสูญเสียทรัพยากร
การจัดองค์กรด้วย IQ เมื่อ 1+1+1 ไม่เท่ากับ 3
สมมุติว่ามีพนักงาน 100 คน แต่ละคนมี IQ เฉลี่ย 100 จุด คูณ 100 IQ
ด้วยจำนวน 100 คน ได้ค่า IQ ทั้งหมด = 10,000 จุด
คำถามคือว่าจริง ๆ แล้วบริษัทจัดองค์กรด้วย IQ หรือ ? ไม่ว่าเราจะใช้ IQ
หรือไม่ใช้เราก็จ่ายค่าจ้างไปแล้วทุกวัน
จงจำไว้ว่าคนหนึ่งคนที่ขาดความสามารถหรือขาดความฉลาดไม่จำเป็นว่าจะเป็นกลุ่มโง่
ซึ่งประสบความสำเร็จ ส่วนคนที่ฉลาดก็ใช่ว่าจะมีความสามารถ
องค์ประกอบอีกอย่างคือความตั้งใจที่ดี
ลูกจ้างที่โรงพยาบาลใหญ่ในรัฐโอไฮโอต้องการแก้ปัญหาต้นทุนลินินที่ใช้ในโรงพยาบาลทั่วไป
พบว่าราคาของลินินแพงขึ้น โดยใช้วิธีวัดแบบใหม่
เพราะพยาบาลและคนดูแลผู้ป่วยเริ่มซ่อนลินินแทนที่จะส่งคืนที่เก็บ
พวกเขานำไปขายในตลาดมืด โดยขนมากกว่าที่ต้องการใช้จริง
และไม่ส่งคืนเมื่อไม่ได้ใช้แล้ว
พวกเขาสร้างที่เก็บเพื่อเก็บลินินให้แก่ผู้ป่วยของเขา
ดังนั้นการแก้ไขปัญหานี้คือผลิตลินินให้มีความกว้างเพิ่มขึ้น
และขึ้นทะเบียนความร่วมมือกับพยาบาลเป็นผลให้ลดต้นทุนค่าลินินโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการดูแลผู้ป่วยจริง
ๆ แล้วมีกลุ่มโง่ 2 ชนิด คือชนิดเรียน และชนิดออกแบบ
ชนิดเรียนพวกเขาจะถูกมองข้าม ไม่อนุญาตให้คิด และไม่เชื่อว่าจะทำได้
ชนิดออกแบบทำได้สำเร็จ เมื่อกฎเกณฑ์และระบบทำให้ยุ่งยาก
หรือคนคิดไม่ถึงหรือไม่เป็นอิสระ
องค์กรที่ไม่มีใจรักเป็นขบวนการวิวัฒนาการ เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา
ที่ปรึกษาผู้บริหาร “Richard Cornuelle”
ได้รายงานว่าช่วงหนึ่งในชีวิตที่ว่าเครียดเกินไปที่จะหัวเราะ
และตลกเกินไปที่จะได้ยินตรงหน้าในหนังสือเล่มนี้ Cornuelle
แย้งว่าเรามีส่วนใหญ่เป็นการจัดองค์กรธุรกิจมากเกินไป
และไม่มีส่วนร่วมหรือคุณค่าของขบวนการถัดไป
ผมได้พบเด็กผู้หญิงที่ทำงานกับเครื่องฉีดพลาสติกทุก ๆ 2-3 วินาที
เครื่องจักรเกาะและปล่อยพลาสติกออกมาจากฝาเพื่อทำจานเค้กใหญ่
เด็กผู้หญิงปั่นด้วยความชำนาญรอบ ๆ ถุงมือ จากนั้นเติมจนล้นถาดกลม ๆ
ที่ล้อมรอบตัวเธอ เธอปิดเครื่องและเราคุยกัน
เธอบอกว่างานที่ทำนั้นง่ายมาก
เธออยากเอาเบ้าเทออกและตรวจดูอย่างระมัดระวัง ถ้าเธอไม่เห็นแข็งไหลออกมา
ต้องทำการเก็บมันไว้ในแผ่นป้ายกระดาษ ถ้าเธอเห็นฟองอากาศ
หรือสิ่งที่ไม่สมบูรณ์หรือแตก หรือปูดบวม เป้าหล่อต้องทิ้งในถังขยะ
เธอศึกษาและหาเหตุผลเพราะถังขยะที่ผู้จัดการให้มานั้นเล็กเกินไปและล้นนานแล้ว
และเธอปฏิบัติตามที่บอกให้ทำ
องค์กรมีจิตใจจริงหรือ ?
มนุษย์คิดได้ 2 แบบคือคิดด้วยความรู้สึกนึกคิด
และคิดโดยไม่มีความรู้สึกนึกคิด
เช่นเดียวกับองค์กรที่วัดด้วยใจที่มีความรู้สึกนึกคิดกับใจที่ไม่มีความรู้สึกนึกคิด
องค์กรเทียบเท่ากับขบวนการทั้งการพูดการเขียนมากขึ้น
อีเล็กโทรนิกส์ที่ถ่ายทอดความคิดและข้อมูลออกไปยังช่องทางผ่านต่าง ๆ
เข้าไปในบริษัท คนที่รับแลกเปลี่ยนข่าวสารหัวข้อต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการส่งยื่น, ปัญหาต่าง ๆ, แผนต่าง ๆ และประสบการณ์
ความคิดที่มีต่อกันพูดคุยกันอย่างน้อยก็เป็นรูปธรรม
ทางจิตวิทยา
การพูดคุยการฟังเป็นขบวนการด้านจิตใจของคนที่เกิดความประทับใจได้เร็ว
ดังนั้นนักศึกษาสามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้รวดเร็วในแง่ของพฤติกรรมบริษัทว่าเป็นอย่างไรมั่นใจอะไรมากที่สุด
อะไรที่โน้มน้าว และอะไรที่ทำให้เราไปถึงจุดที่ตัดสินใจ
เพียงแต่ฟังคนเขาพูด จริง ๆ
แล้วที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์จะบอกคุณว่าจะดำเนินธุรกิจอย่างไร
ผู้นำเขาคิดอย่างไร เกิดปัญหาอะไร
โดยจับสำนวนที่เขาพูดเป็นสื่อในการเข้าใจได้รวดเร็วว่าความคิดของบริษัทเป็นอย่างไร
โดยดูจากภาพ, คำแสดง, คำพูดต่าง ๆ
ความร่ำรวยและความลึกของสิ่งเหล่านี้ที่องค์กรใช้ร่วมกัน
ในการตอบโต้อย่างใกล้ชิดเสมอภาค
เพื่อความมีประสิทธิภาพในการบรรลุตามหน้าที่
เมื่อไรที่คนทะเลาะกันต่อสู้กันเก็บซ่อนข้อมูล
และความคิดซึ่งกันและกัน
การปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นคำพูดที่สะท้อนให้เห็นถึงกลุ่มสมองที่ไม่มีกำลังใจที่ไม่รู้สึกเป็นอะไร?
องค์กรที่ใจไม่รู้สึกอยู่ที่ไหน? และมันทำงานกันอย่างไร?
ขณะที่ใจมีความรู้สึก คือขบวนการบอกกล่าว
และถ่ายทอดไปยังสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวคุณ การแสดงออกความรู้สึก
เกิดความประทับใจโดยสัญชาติญาณ และเป็นประสบการณ์ที่มีค่ากับคุณ
แม้ว่าข้อมูลรอบข้างขณะที่ใจมีความรู้สึกส่วนใหญ่จะแปลงไปอยู่ในรูปคำพูด
ที่พูดในใจ
สิ่งที่บอกจากใจที่ไม่มีความรู้สึกจะแตกฟองออกมาไม่ใช่คำพูด
คือแสดงออกทางภายนอกที่แสดงว่ามันไม่สามารถนำเข้าไปในใจที่มีความรู้สึกได้
มันต้องแปลเป็นภาษาความรู้สึกหรือคำพูด
เหมือนกับพยายามใส่รูปหรือเสียงเข้าไปในเอกสารข้อมูลคอมพิวเตอร์
ซึ่งไม่สามารถรวมกันได้
ขบวนการขยายความเป็นชีวิตจิตใจของบริษัทประกอบด้วย 2
ส่วนคือไม่กล่าวและไม่สามารถกล่าวได้
คำว่าไม่สามารถกล่าวได้จะใช้กับลักษณะชีวิตองค์กรที่ทุกคนรู้แต่ไม่มีใครอยากพูด
ในหลาย ๆ กรณี คำพูดที่ให้ความรู้สึกใช้กับคำเศษ คำปราศรัย
คำศัพท์ทางวิชาการ ส่งถ่ายทัศนคติที่ไม่พูด, คุณค่า, ลำดับ
และคำที่มีความหมายแฝงกับความรู้สึก จิตวิทยาองค์กรหลาย ๆ อย่าง
ให้ความหมายวัฒนธรรมเป็นการขึ้นใหญ่ จากระดับที่ไม่ให้ความรู้สึก
และพูดตรงไปตรงมาเพียงบางส่วนที่ระดับให้ความรู้สึก
กรณีศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนพยายามใช้สำนวนพูดกับลูกค้าและใช้สำนวนที่แตกต่างจากเดิมใช้สำหรับพูดซึ่งกันและกันเกี่ยวกับลูกค้า
กรณีศึกษา
ในหลายอุตสาหกรรมและหลายสาขาอาชีพนำศัพท์เฉพาะหรือศัพท์วิชาการมาใช้อ้างอิงกับลูกค้า
เช่นข้าราชการเรียกรับจ่ายภาษีที่มีอาชีพขับแท็กซี่ว่า “Texpayer”
ผู้เสียภาษี ผู้หญิงขายบริการเรียกลูกค้าเขาว่า “Johns”
ความกังวลเป็นเพียงอารมณ์คู่กับการบังคับ
และการกระตุ้นไม่สามารถขจัดได้ โดยแสดงออกมาเป็นความรู้สึกกังวล
วัฒนธรรมองค์กรจะเกิดความห่วงใย เมื่อควบคุมสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้
โดยจะไม่คิดและไม่พูด
รวมความฉลาด : ความใหญ่โตของพลังสมอง
บางคนเถียงว่า การรวมความฉลาดตรงข้ามกับการรวมความโง่
ถ้าต้องการสร้างกรณีการรวมความฉลาด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรฉลาด
(Organizational Intelligence = OI) ซึ่งจะใช้เรียกคำนี้ตลอดเล่ม
เราต้องยอมรับการกำหนดสิ่งท้าทายที่ตรงไปตรงมา
ผมมั่นใจในความสามารถของเราด้าน OI ในรูปกว้าง ๆ
จากนั้นวัดความสามารถในการพัฒนา
อย่างไรก็ตามความมีเหตุผลและเปิดใจตรงไปตรงมาหวังว่าทำ OI ให้ซื่อตรง
มีหลักเกณฑ์ที่เป็นประโยชน์ เพื่อความสำเร็จของการบริหาร
ผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านบุคคลจะต้องมี OI อย่างน้อยดังนี้
- กว้างขวาง
พอที่จะอนุญาตผู้นำไปสู่การปฏิบัติได้ทุกเรื่องเพื่อความสำเร็จของบริษัทในรูปของกรอบกฎเกณฑ์
การประเมิน การสนทนา
- ความจริง
ต้องสัมผัสกับความจริงของงานที่ทำทุกวัน
และชีวิตในองค์กรที่เป็นอุดมคติที่ขึ้นอยู่กับความคาดหวังที่เป็นโอกาสประสบความสำเร็จในระยะยาว
- การกำหนดกฎเกณฑ์
ต้องกำหนดเป้าหมาย
กลยุทธ์และการปฏิบัติที่จะบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้
- มีความเห็นอกเห็นใจ
ต้องคำนึงถึงรูปแบบพฤติกรรมชีวิตจริง มูลค่า ความเชื่อ ประเพณี
ที่ประสบความสำเร็จในทุกองค์กรในรูปเอกลักษณ์ของแต่ละบริษัท
- การพัฒนา
ต้องให้ความหวังและความก้าวหน้าและผู้นำต้องพัฒนาปรับปรุงระดับผลปฏิบัติงานของ
OI ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ติดตามบทที่ 2 ในครั้งต่อไป
|