15/07/2545 01:05 น. |
วศ.บ.4ปีที่จบจากม.6มา กับ วศ.บต่อเนื่อง3ปี ที่จบจากปว.ส. มา ตลาดแรงงานต้องการแบบไหนครับเพราะอะไร |
19/12/2546 23:46 น. |
eng4 ปี เก่งทุกคนอยู่แล้ว เรียนเยอะกว่าด้วย |
20/12/2546 02:21 น. |
คุณเรียนเยอะกว่าแล้วคุณต้องเก่งกว่ารึคุณ eng 4 แล้วคุณรู้ได้ไงคุณเรียนเยอะกว่า บิดาคุณเป็นปลัดกระทรวงศึกษาธิการรึ ผมไม่สนหรอกว่าเรียนเยอะกว่าหรือไม่เพราะความรู้จะหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ประสบการณ์มันหายากไอ้น้อง eng 4 |
22/12/2546 00:10 น. |
ผมเป็นวิศวกรคนหนึ่งที่มองเห็นและเข้าใจแล้วว่า Eng.4ปี ไม่ได้เรื่อง เห็นแก่ตัว เก่งแต่ปาก ไอ้เรื่องที่บอกว่าเรียนเยอะกว่า ไม่จริง ขอค้าน ในส่วนเรื่องที่ไอ้พวกบริษัทเฮงซวย ชอบรับแต่เด็ก4ปี ก็ปล่อยมันไป ไอ้พวกนี้เป็นพวกที่ทำให้บ้านเมืองเราถดถอยลงทุกวัน ระวังเถอะเวรกรรมมีจริง ผมเป็นเด็ก4ปี แต่ผมมีความเป็นกลาง มองความเป็นจริงและความถูกต้อง ขอร้องเถอะ ไอ้เรื่องเล่นสีเล่นพวก อย่าเลย บ้านเราจะได้พัฒนาขึ้น ปัญหาการว่างงานจะได้น้อยลง ยังไงก็คนเหมือนกันทั้งนั้น ช่วยกันเถอะพี่น้องชาววิศว ทั้งหลาย |
23/12/2546 06:24 น. |
เด็ก ม.6 อย่างเก่งที่เรียกว่าเรียนมากว่า ก็เคมี ชีววิทยา.....<br>แต่สำหรับเด็ก ปวช ปวส. ผมเรียน ฟิสิกส์ ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร<br>เพราะลองดูจากการเรียน ป.ตรีแล้ว วิชาที่เรียนเเล้วเป็นปัญหากับเราก็เคมี ชีวนี่ล่ะ เพราะเราไม่มีพื้นทางนี้ ส่วน แมท ก็ Diff Equa ก็เรียนเหมือนกันตัดเกรดรวมกัน 4ปี กับ 3 ปี ก็ A ได้เท่ากัน ที่แตกต่างกันจริงและน่าเวทนาคือ ใครเรียนจบ ปวส จะทำปริญาสักใบ ทำไมมันหลายปีจัง ก็ถ้าเอนเข้า เรียน 4 ปี แต่เราเรียน ปวสมา 2ปี <br>มาต่อ ป.ตรี อีก3 ปี รวมเป็น 5 ปี คุณอยากรู้ไหมหน่วยกิตที่เราเรียน<br>จบป.ตรี อย่างเดียว 230 กว่าหน่วย + กับตอนปวส อีก 180 เป็นเท่าไร 410 กว่าหน่วย x กับ 300(ค่าหน่วยกิต) แล้วอย่างนี้เขาเรียกว่าอย่างไร ที่บอกว่าเด็ก ม 6 เรียนเยอะกว่า <br><br>แต่ที่สำคัญจบแล้ว สร้างประโยชน์เพื่อประเทศชาติของคุณได้เท่าไร ทำอะไรให้แผ่นดินบ้าง ตอบแทนสังคมที่คุณอยู่อย่างไร<br>คุณให้อะไรกับตัวคุณได้ แล้วใยจึงให้ประเทศชาติไม่ได้ <br> คิดสิ่งประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ สร้างอะไรก็ได้ จากความรู้ที่คุณมีให้กับสังคม มากกว่าผลประโยชน์ที่จะได้ใส่ตน <br> หากแต่จะมองว่าวันๆนึง เราจะได้ตังกี่บาท จะเอาเงือนเดือนเท่านี้ๆ เอาเงินไปหาหญิง ไปเที่ยว อยากจะรวย <br> ผมว่า จบแบบไหน ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน |
25/12/2546 09:27 น. |
<br>ผู้ประกอบการ<br>จากการทำวิจัยในบริษัทที่ดำเนินงานด้านวิศวกรรม<br> วศ.บ.ที่มาจากปวส.มีความรู้และความสามารถมากกว่า ไม่หยิ่ง ทะนงตน แม้จะภาษาไม่ดีมากนัก แต่ก็มีความอ่อนน้อมถ่อมตัวที่น่ารักเข้ามาทดแทน เรียกได้ว่ามีทั้งบู้และบุ๊น <br> ผิดกับวศ.บ.ที่เรียน4ปี(Ent')ที่จะเก่งทฤษฎี แต่ทำจริงไม่ได้เรื่อง คอยเลียแข้งเจ้านายที่เป็นชาวต่างชาติ <br> หลอกตัวเองว่ามีความสามารถแล้วดูถูกผู้อื่น<br> ที่บอกว่าเรียนมากกว่านะ มันมากกว่าตรงใหน<br> |
26/12/2546 04:06 น. |
ผมเรียนต่อเนื่อง๓ปี แต่เรียนจบ๔ปี เกรดนิยม๒.๐....อย่างงี้เป็นอย่างไหนครับ แต่ผมก็ไม่ตกงานทำงานได้เงินเดือนเหมือนกัน สูงกว่าคนที่จบสถาบันที่ใครคิดว่าดีกว่า และผมไม่รู้หรอกว่าคุณเป็นใครเก่งแค่ไหน รู้แต่ว่าทุกคนก็ทำงานได้เหมือนกันแต่ต่างกันที่ความถนัด,ความสามารถและโอกาศที่จะได้งานที่ตรงกับตัวเอง ไม่อาจแบ่งการเรียน๓หรือ๔ปีได้ คนดูถูกคนก็คือดูถูกตัวเอง |
28/12/2546 12:11 น. |
ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่จบวิศวะต่อเนื่องตลอดเวลาที่ผ่านมาได้รับข่าวสารและประสบกับตัวเองด้วยถึงการดูถูกจากสังคมและวศบ.4 ปีว่าพวกเราด้อยกว่าเขา ผมว่าการคิดหรือการตราหน้าอย่างนี้มันไม่ถูกหรอก ยกตัวอย่างจากตัวผมเองจบ ปวส.มาเข้าทำงานโรงงานอุตสาหกรรม 1 ปีแล้วเรียนต่อและทำงานไปด้วยจนจบการศึกษาระหว่างเรียนนำความรู้ไปใช้ในการทำงานจนเกิดความชำนาญ จบวศบ.ไปขอความรู้ หรือให้แก้ปัญหาให้ก็มาก ไม่เห็นจะเหนือกว่าตรงใหนเลย ตลอดเวลาของชีวิตที่ผ่านมาผมทุ่มเทให้กับงานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มีความสามารถในการช่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กฯเกือบทุกชนิด เขียนโปรแกรม สามารถออกแบบไฟฟ้า ได้ เออ..คือ ในใจอยากท้าดวนกับพวกที่ดูถูกคนอื่นจัง...เฮ้อ..รักกันหน่อยน่ะคนไทยด้วยกัน |
30/12/2546 02:26 น. |
จบแบบไหน สุดท้ายเวลาทำงานก็ต้องเรียนรู้วิธีการทำงานใหม่อยู่ดี มีใครบ้างพอจบแล้วได้เป็น senior engineer หรือ manager บ้าง และจะทำงานได้ดีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ละบุคคล วุฒิ วศบ. หรือ อสบ. จากสถาบันไหน ได้เกรดเท่าไร ไม่สามารถบอกได้ว่าบุคคลนี้เป็นคนทำงานเก่ง ต่างก็ตรงที่หางานได้ง่ายหรือยากก็เท่านั้น หรือถ้ามีภาคทฤษฎีหรือภาคปฏิบัติที่ตรงกับที่เรียนมาก็จะช่วยให้เริ่มต้นได้ดีกว่าคนอื่นเล็กน้อยเท่านั้น วิศวกรจำเป็นต้องมีศิลปะการทำงานร่วมกับผู้อื่นบ้าง ไม่มีใครเก่งกาจขนาดทำงานคนเดียวได้ ดังนั้นอย่ามาทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้เลยนะครับ |
30/12/2546 02:33 น. |
คนที่เรียนต่อเนื่อง คุณมั่นใจมากหรือครับว่า คนที่เรียน 4 ปีทุกคนจะอ่อนภาคปฏิบัติกว่าคุณ ส่วนตัวผมยังไม่มั่นใจเลยว่าทฤษฎีผมจะปึกกว่าคุณ แล้วคุณจะมาสรุปเช่นนี้ได้อย่างไร หรือถ้าข้องใจทิ้งเบอร์มาเลยดีกว่า |
30/12/2546 04:16 น. |
.....ผมว่าน่ะถ้า toyota มันไม่รับก็มาที่ hondaได้เลยเรายินดีถ้ามีความสามารถ""<br><br>ผู้หญิงคนหนึ่ง.... ที่ดูๆแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรจากคนอื่น<br>ผู้หญิงคนนี้...ธรรมดา ... แต่ความเป็นคนของเธอ ...<br>ช่างวิเศษนัก ...<br>ผู้หญิงคนนี้ ... ผู้ที่สอนให้ผมรู้จักกับคำว่า<br>“ความรัก”ที่แสนจะอบอุ่น ...<br>ผมไม่รู้ว่าเธอ... คนนั้นเข้ามาในชีวิตผมได้อย่างไร แต่ตอนนี้<br>เธอก็หยิบยื่นความรักให้ผมอย่างเพียงพอแล้ว<br>พวกคุณมาลองทำความรู้จักกับ “เธอ” ดูก็แล้วกัน...<br>เรื่องราวของเธอ เป็นอย่างไรกัน ... พวกคุณลองมาฟังกันดู<br><br>10 กรกฎาคม 2540<br>วันหนึ่งในมหาลัย ผมได้พบกับผู้หญิงคนนึงโดยไม่ได้ตั้งใจ<br>ขณะที่ผมเดินอยู่ในโรงอาหารของมหาลัย เพื่อหาอาหารแดก..<br>ซึ่งคนแย่จังก็เดินขวั่กไขว่เต็มไปหมด<br>เพราะเป็นเวลาเที่ยงตรงพอดี..<br>และด้วยความที่ว่าคนเยอะมาก<br>ทำให้ผมเดินไปชนไหล่เธอเข้าอย่างจัง...<br>ผมหันหน้าขวับ... ไป พร้อมกับพูดคำว่า ขอโทษครับผม....<br>เธอก็หันมามองผมเช่นกัน พร้อมกับบอกผมว่า “ ขอโทษนะคะ<br>ศรไม่ได้ตั้งใจค่ะ”<br>แล้วเธอก็โบกมือ พร้อมกับหันหลังเดินจากไป เธอเป็นคนสวย ผมยาว<br>ผิวขาวผ่อง หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักน่ามองเป็นอย่างยิ่ง<br>ความน่ารักของเธอ<br>ต้องตาตรึงใจผมยิ่งนัก... ผมรู้สึกประทับใจเธอยิ่งนัก “<br>เธอชื่อว่าศร “<br>นี่เป็นครั้งแรก ที่ผมได้รู้จักเธอ ผมรู้แค่ว่า เธอชื่อว่า “ศร“<br>แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะนิสัยส่วนตัวผม<br>แทบจะไม่สนใจผู้หญิงอยู่แล้ว.... แต่กับคนนี้ ผม<br>^_-...ปิ๊ง...-_^<br>เธอทันที ตั้งแต่แรกเห็น แล้วผมก็คิด “ เอิ๊กส์ๆๆๆ หน้าตางั้น<br>สงสัยมีแฟนแล้วด้วยแน่ๆเลยว่ะ เฮ้อ เหลวไหลว่ะผม “ ...<br>แล้วผมก็หัวเราะเบาๆ กับตัวเอง....<br>แล้วผมก็มองหาของแดกต่อไป......<br><br>24 กรกฎาคม 2540<br>สองสัปดาห์ต่อมาต่อมา ผมถูกอาจารย์<br>ใช้ให้ไปขนหนังสือกองเบ้อเร่อที่ห้องสมุดมหาลัย<br>ผมต้องยกกองหนังสือกองใหญ่ขึ้นไปชั้นสองของห้องสมุด...<br>ผมก็ขนๆๆไป<br>แต่ด้วยความซุ่มซ่ามของผม ผมเลยทำหนังสือกองใหญ่ที่ผมยกอยู่<br>ล้มโครมลงมา ระเนระนาด เต็มบันไดไปหมด “ นายห่าเอ๊ยยย “<br>ผมโพล่งออกมาด้วยอารมณ์เซ็งสุดตีน พร้อมกับก้มลงเก็บหนังสือ...<br>ตอนผมกำลังก้มงกๆ เพื่อไล่เก็บหนังสืออยู่นั้น<br>ผมก็ได้ยินเสียงประตูห้องสมุดชั้นสองเปิดออก<br>พร้อมกับเสียงคนกำลังเดินลงบันไดมา...<br>ผมเลยเร่งเก็บหนังสือให้เร็วขึ้น<br>เพราะถ้าผมไม่รีบ กองหนังสือมันจะขวางบันได<br>ทำให้คนเดินลงบันไดไม่ได้.<br>ขณะที่ผมกำลังเก็บอยู่นั้น ผมก็เหลือบไป<br>แล้วสิ่งที่ผมได้เห็นก็คือ.......<br>ผู้หญิงคนนึง กำลังก้มเก็บหนังสือด้วยท่าทางอิริยาบถ<br>คล้ายๆกับที่ผมกำลังทำอยู่....<br>เมื่อผมเหลือบขึ้นไปมองหน้าผู้หญิงคนนั้น<br>ผมก็ตกใจ.... เธอคือ....<br>ศร....ผู้หญิงที่ผมเดินชนเธอในโรงอาหารวันนั้นนี่หว่า......<br>ผมนั่งมองเธอด้วยอาการงงงวย....<br>ประจวบเหมาะ พอดีเธอหันมาเห็นผมนั่งมองเธอ เธอก็พูดขึ้นมาว่า<br>“รู้แล้วค่า ว่าคุ้นๆหน้าน่ะ แต่อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะคะ<br>มาช่วยกันเก็บหนังสือก่อนนะคะ เดี๋ยวคนเค้าเดินขึ้นลง<br>เค้าจะเดินไม่ได้กัน... รีบๆหน่อยสิคะ เดี๋ยวจะมีคนเดินมานะ ”<br>เสียงหวานๆ น่ารักของเธอสะกดผมซะนิ่งไปเลย เธอเห็นท่าทางผมเอ๋อๆ<br>เธอเลยพูดขึ้นมาอีกว่า “” แน่ะ... เหม่ออะไรคะ<br>เมื่อคืนนอนดึกเหรอ<br>บอกให้ดื่มกาแฟก็ไม่เชื่อ ฮิ ฮิ “” เธอพูด<br>พร้อมกับหัวเราะเสียงเล็กๆ<br>น่ารักเป็นกันเอง มือเธอก็หยิบๆหนังสือไป พอดีผมรู้ตัวว่า<br>ผมกำลังเก็บหนังสืออยู่นี่หว่า ผมก็เก็บต่อ แล้วระหว่างที่เก็บ<br>ผมก็เลยถามเธอว่า ชื่อ ศร เหรอ เธอตอบว่า “”ใช่ค่ะ อ่ะ<br>รู้ได้ไงอ่ะ””<br>ผมก็เลยบอกเธอไปว่า ตอนเดินชนกันในโรงอาหาร เธอพูดบอกผมว่า<br>ศรขอโทษ ไง<br>ผมก็เลยรู้ชื่อเธอได้ แบบไม่ตั้งใจ ผมกับเธอ<br>ก็เลยคุยทำความรู้จักกันพอเป็นพิธี<br>เธอเป็นคนอัธยาศัยดี เป็นกันเอง ทำให้ผมกับเธอ<br>รู้สึกสนิทสนมกันได้อย่างไม่ยากเย็นนัก..<br>เมื่อพอจะได้รู้จักกันบ้างแล้วผมก็เลยถามเธอว่า ศรจะไปไหนล่ะ...<br>เธอเลยตอบผมว่า จะไปคาฟ (โรงอาหาร) ไปทานข้าว ผมเลยถามเธอว่า<br>อ่าว...<br>ไม่ไปทานกับเพื่อนล่ะ<br>เธอก็บอกผมว่า เธอเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่ค่อยได้ยุ่งกับใคร<br>เธอไม่ค่อยชอบ... โอ่ว... เธอนิสัยคล้ายๆผมเลย<br>ผมก็ไม่ชอบยุ่งกับใคร<br>เธอก็บอกผมอีกว่าเธอเห็นผมท่าทางเก็กๆแปลกๆ แต่ดูตลกดี<br>คือเหมือนแกล้งเก็ก ว่างั้นเหอะ<br>เธอก็เลยรู้สึกว่าผมน่าสนใจน่าทำความรู้จักด้วย<br>เมื่อเธอพูดจบแล้ว<br>เธอก็เลยบอกผมต่อว่า “” งั้นเก็บหนังสือเสร็จแล้ว<br>ไปทานข้าวเป็นเพื่อนกันหน่อยนะคะ “” ผมก็ตบปากรับคำไป<br>เมื่อเก็บหนังสือเสร็จ ผมก็เลยไปนั่งทานข้าวกับเธอ<br>เราก็ได้คุยกันสนุกสนานพอสมควร<br>ทำให้ความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างผมและเธอ..... เพิ่มมากขึ้นไปอีก<br>และอีกอย่างที่ได้รับรู้ ระหว่างที่คุยกับเธอที่โรงอาหาร ก็คือ<br>เธอ....ยังไม่มีแฟน...... ผมอยากจะดีใจกระโดดตัวลอย<br>แต่ผมก็ทำไม่ได้<br>...ศรจะรู้บ้างมั๊ย...<br>ว่าเธอกำลังรินน้ำรดให้ต้นไม้ต้นเขียวสดใสในใจของผม<br>ค่อยๆงอกขึ้นมาช้าๆอย่างสวยงาม......<br>หลังจากนั้นมา ผม กับ ศร ก็เริ่มสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ<br>ด้วยความที่ว่า<br>ผมเป็นคนอัธยาศัยดี ส่วนเธอก็เป็นกันเองมากๆ<br>ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ<br>จนนักศึกษาคนอื่นๆ เริ่มมอง และล้อเลียนว่า ผม กับศร<br>เป็นแฟนกัน...<br>แต่ทั้งผมและศร ก็ไม่ได้สนใจอะไร.... แต่จริงๆ<br>ผมก็แอบดีใจนะ....<br>.......ต้นรักในใจของผม กำลังจะกลายเป็นต้นกล้าเขียวชอุ่ม<br>แตกกิ่งก้านสาขาแข็งแรงออกมาเรื่อยๆ .........<br><br>1 ปี ผ่านไป........<br>........................................<br>10 สิงหาคม 2541<br>หนึ่งปีผ่านไป ผม กับ ศร ตอนนี้เป็นเพื่อนสนิทกันมาก<br>แต่ความรู้สึกผมก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรอกนะ.....<br>ผมยังรักผู้หญิงคนนี้อยู่ ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น.... ใช่<br>ผมรักศร<br>แล้ว 1 ปีกว่าๆมาแล้ว ที่ผมได้รู้จักเธอ.... มันถึงเวลาแล้วล่ะ<br>ที่ผมจะบอกรักเธอ..... แต่ผมก็ไม่รู้ ว่าผมจะบอกยังไงดี<br>ผมก็เลยวางแผนจะชวน ศร มางานวันเกิดผม<br>ที่ผมจัดให้ตัวผมเองคนเดียวมาตลอด<br>วันนี้ วันที่ 10 สค. วันเกิดผม 25 สค. ....อีก 15 วัน ใช่.....<br>ผมจะชวนเธอมา แล้วผมก็จะ.....บอก...... “”ฮะๆๆๆ””...<br>ผมคิดเองหัวเราะเองเหมือนคนบ้า แต่ผมก็ฉุกคิดอีกว่า เอ่อ ....<br>ถ้าเธอไม่รักผมล่ะ ผมก็คง............<br>”” เฮ้ยยย ช่างแย่จังเหอะ”” ผมตะโกนเสียงดังเพื่อตัดบทตัวเอง<br>พร้อมกับตั้งหน้าตั้งตา ทำการบ้านต่อไป....<br>ส่วน ศร หนึ่งปีหลังผ่านมานี่ เธอป่วยบ่อยมาก<br>เข้าโรงพยาบาลตกเดือนละ 1<br>ครั้ง...ร่างกายทรุดโทรมจนดูไม่สวยเหมือนเมื่อก่อน...<br>เธอไม่สบายเป็นว่าเล่น... พอผมถามเธอว่า เธอเป็นไร<br>เธอก็จะตอบผมเหมือนกันทุกครั้งว่า<br>“”เป็นแค่โรคประจำตัวธรรมดาน่ะ<br>ช่วงนี้วูบบ่อยเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก เป็นมาตั้งนานแล้ว<br>แต่ผมก็อดเป็นห่วงเธอไม่ได้ เพราะเธอดูโทรมลงไปมาก.....<br>แต่ผมก็ไม่ได้อะไรมาก เพราะเธอย้ำผมบ่อยมากๆ<br>ว่าเธอเป็นแบบนี้ประจำ<br>เป็นอาการปกติของเธอ....<br><br>20 สิงหาคม 2541<br>วันที่ 20 แล้ว.... อีก 5 วัน เท่านั้น ก็จะถึงวันเกิดผม....<br>ผมเลยตัดสินใจบอกชวน ศร ไปว่า “” อีก 5 วัน วันเกิดเรานะ<br>ศรจำได้ป่ะ....<br>เธอตอบผมมาว่า...........<br>””เอ้อ ใช่<br><br>ปีที่แล้วเราไม่ได้จัดงานวันเกิดให้นี่นาเพราะติดงานวุ่นวายกันทั้งคู่..<br>งั้น... ปีนี้ เราไปจัดงานวันเกิดกันสองคนเนอะ ฮิฮิ<br>เราเพื่อนกันแค่สองคน.. วันที่ 25 นี้ เธอขอพรจาก ศร ได้ 1<br>ข้อนะ...<br>ในฐานะที่เป็นเพื่อนที่ดีกับศร มาตลอดศรจะให้พรเธอ 1 ข้อออออ<br>ศรสัญญา<br>ว่าศรจะมางานวันเกิดเธอให้ได้นะ.... “”<br>....พูดจบเธอก็หัวเราะคิกคักเหมือนเดิม.... ผมได้แต่มอง<br>แล้วก็แอบชื่นชมเธอในใจว่า 1 ปี ผ่านมาแล้ว<br>ที่ไปไหนมาไหนด้วยกันทุกวัน... เธอยังสดใสเหมือนเดิม<br>แม้ภายนอกเธอจะดูซูบโทรมไปบ้าง เธอก็ยังสวยน่ารักเหมือนเดิม<br>สำหรับผม.... เฮ้อ ... แต่นายคำว่าเพื่อน นี่สิ ผมได้ยินทีไร<br>ใจหายทุกที...... แต่ผมก็ไม่สนใจ<br>ผลจะเป็นยังไงก็ช่าง วันที่ 25 นี้ ผมจะบอกรักเธอให้ได้<br>แล้วผมจะรอดู<br>ว่านางฟ้าของผมคนนี้ จะให้พรได้ตามที่ผมหวังไว้รึเปล่า.... <br>“””ศรรักเ ธ อ น ะ“” คำนี้แหละ ข้อนี้แหละ<br>คือพรที่ผมอยากได้จากนางฟ้าของผม........แต่ก็ไม่รู้<br>ว่าผมจะสมหวังมั๊ย...<br><br>21 สิงหาคม 2541<br>ช่วงสอบ.....<br><br>ศรป่วย กลับ กทม. เข้าโรงพยาบาลแต่เช้า<br>ผมก็คิดว่าเธอจะกลับมาช่วงบ่ายๆเย็นๆ เหมือนอย่างที่เคย.....<br>แต่มันไม่ใช่..... วันนี้ เธอหายไป..... เธอเป็นอะไรรึเปล่า...<br>ผมก็ได้แต่คิด... และหวังว่า เธอคงไม่เป็นอะไร ผมก็ได้แต่ รอ รอ<br>รอ<br>และ.... รอ<br><br>22 สิงหาคม 2541<br>เงียบ..... ไม่มีข่าวคราวอะไรเลย<br>ผมเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ...... ศรหายไปไหน<br>โทรไปที่บ้าน<br>ก็ไม่มีคนรับ.....<br><br>23 สิงหาคม 2541<br>..............<br>24 สิงหาคม 2541<br>................!!!!!!?? โทรไปบ้านศร คนใช้รับสาย บอกผมว่า<br>””คุณหนูศร ป่วยหนัก นอนอยู่โรงพยาบาลค่ะ คุณพ่อคุณแม่ของคุณหนู<br>ก็อยู่ที่นั่นกันหมด”” ไม่ได้แล้ว พรุ่งนี้<br>สอบเสร็จผมจะบึ่งกลับ<br>กทม.... ทันที<br><br>25 สิงหาคม 2541<br>สอบเสร็จแล้ว.. เหนื่อยมากๆ เมื่อคืนไม่ได้นอน<br>เพราะนอนไม่หลับ...<br>วันนี้วันเกิดผมแล้ว ศรยังไม่โผล่มาสอบ....ไม่ดีแล้วล่ะ....<br>สอบเสร็จตอนบ่ายผมรีบอาบน้ำแต่งตัว พก ซาวด์อเบาวท์คู่ชีพ<br>พร้อมเทปเพลง<br>GUN N’ ROSES คู่ชีพ ขึ้นรถตะลุยมา กทม. ตรงไปยังโรงพยาบาลที่<br>ศร<br>รักษาตัวอยู่ทันที<br>...ผมรีบถามพยาบาลทันที ว่าศร พักอยู่ห้องไหน.... เมื่อรู้แล้ว<br>ก็ก็รีบวิ่งแบบไม่คิดชีวิต ตรงไปที่ห้องที่ศร พักอยู่ทันที.....<br>ห้อง<br>418...... ผมรีบเปิดประตูเข้าไปทันที ด้วยความเป็นห่วง....<br>.....ภาพที่ผมเห็น ทำให้ผมแทบช๊อค....... ศรนอนสวมชุดคนไข้สีขาว<br>มีท่ออ๊อกซิเจนต่อ เข้ามาที่ปาก สายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด...<br>ชีพจรเต้นอ่อนรวยระริน...... พ่อแม่ของศรนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ<br>ผมรีบสวัสดีพ่อแม่ศร แล้วถามถึงอาการของศร...<br>แม่ของศรน้ำตาไหลพราก ตาแดงก่ำ สะอื้นให้แทบขาดใจ<br>เล่าเรื่องของศร<br>ให้ผมฟัง ส่วนพ่อศร นั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จา<br>น้ำตาหยดเลอะเสื้อสูทเต็มไปหมด... เหมือนจะทำใจแล้ว อยู่ข้างๆ<br>พอผมได้ฟังเรื่องจากแม่ของศร ผมจึงได้รู้ว่า.....<br>.....ศรเป็นมะเร็งหลายที่ ภายในร่างกาย....<br>เมื่อวานก็เพิ่งผ่าตัดมา<br>โอกาสรอด..... น้อยเต็มที..... ............ผมแทบจะบ้าตาย<br>ช๊อคตายตรงนั้น...... นางฟ้า..... ของผม.... นี่มัน....<br>อะไรกันวะ....!!!!?<br>พอดีที่ศรลืมตาขึ้นมา ศรจึงยกมือผอมซูบซีด ของเธอ<br>เคาะตรงขอบเตียงเพื่อเรียกพ่อแม่ของเธอมา<br>แล้วเธอก็กระซิบพูดอะไรบางอย่าง<br>ผ่านท่อออกซิเจนมาอย่างอ่อนระโหย<br>ให้พ่อแม่เธอฟัง........ แล้วพ่อแม่เธอ....<br>ก็พยักหน้าเรียกผมเข้ามาหา<br>บอกผมว่า ลูกศรเค้าอยากจะพูดกับเธอ.... ........ผมไม่รอช้า<br>รีบเดินไปที่เตียงทันที ....<br>ผมหน้าเสีย ใจเสียเต็มทน เหมือนใจจะแตกเป็นเสี่ยงๆ...<br>แต่ศรจับมือผมไว้<br>แล้วศรก็ยิ้ม... ผมก็จับมือศรไว้แน่นเช่นกัน....<br>เธอกระซิบผ่านหลอดออกซิเจนที่ครอบปากเธออยู่<br>ได้ยินเป็นเสียงเบาๆ<br>ได้ใจความว่า...<br>”””” วันนี้ วันเกิดเธอนะ เธอจะทำหน้าตาแบบนี้ ไม่ได้นะ วันเกิด<br>เป็นวันที่เจ้าของวันเกิด ต้องมีรอยยิ้มให้มากๆสิ<br>ศรไม่เป็นไรหรอก...<br>ไม่ต้องห่วง.... แฮปปี้เบิร์ธ...เดย์นะ ส่วนพรที่เธอจะขอ<br>เธอก็ขอมาได้เลย.... จับมือศรไว้แน่นๆ แล้วหลับตาอฐิษฐาน<br>....ด้วยกัน<br>พร้อมกับศรนะ.... เอาล่ะ หลับตาอฐิษฐานสิคะ<br>พรจะได้สมหวังไง..””””<br>ผมยืนนิ่งมองไปที่ศร จับมือศรไว้แน่น ศรก็ยิ้มมองหน้าผม<br>แล้วพยักหน้าบอกให้ผมหลับตา อฐิษฐานพร้อมกันกับศร<br>ผมก็หลับตาลง.......<br>น้ำตา... เริ่มรินออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของผม......<br>แล้วผมก็รู้สึกว่า ศรเอามืออีกข้าง จับกระดาษชิ้นเล็กๆ<br>มาใส่ไว้ในมือผม<br>แล้ว.....บอกผมว่า เก็บไว้ให้ดีนะ นี่เป็นของชิ้นแรก<br>และชิ้นสุดท้าย<br>ที่ศรจะให้เธอได้....<br>พอเธอพูดจบ เธอก็ยิ้ม.... พร้อมกับที่ดวงตาทั้งสองของเธอ<br>ค่อยๆปิดลง...... มือทั้งของศร ที่กุมมือของผมไว้ ค่อยคลายออก<br>.......พร้อมกับเสียงดัง ปี๊บบบบบ ยาว จากเครื่องวัดชีพจร<br>ผมหันไปมองเครื่องวัดชีพจร...... จากที่วัดคลื่นได้เป็นหยักๆ<br>ตอนนี้มันกลายเป็นเส้นตรงไปแล้ว.... พ่อแม่ของศร ตกใจมาก<br>ร้องเรียกหมอเสียงดัง ผมทำอะไรไม่ถูก ยืนช๊อคอยู่ตรงนั้น...<br>น้ำตาผมไหล....ไหลออกมา....ไหลไม่หยุด....<br>ไหลจนแทบจะไหลเป็นสายเลือด...... ท้องฟ้าข้างนอก หม่นหมอง<br>สายฝนเริ่มโปรยปราย ราวกับท้องฟ้าได้ร้องไห้ กับการจากไปของเธอ<br>ซักพักหมอก็เข้ามา.... แล้วบอกให้ผม กับพ่อแม่ศร ออกไปรอข้างนอก<br>หมอต้องรีบปั๊มหัวใจโดยด่วน ผมก็ได้แต่ รอ รอ ด้วยความหวังว่า<br>หมอจะช่วยชีวิตศรได้ สำเร็จ .... ..... ......... ........<br>.......<br>.......<br>ซักครู่ใหญ่ๆ หมอก็ออกมาจากห้องพัก พร้อมกับก้มหัวส่ายหน้า....<br>แม่ศรร้องไห้ออกมาลั่นทันที แม้แต่พ่อของศร ที่นิ่งเงียบมานาน<br>ก็ร้องไห้<br>โฮ ลั่นเช่นกัน.......<br>หมดแล้ว..... ผู้หญิงที่ชื่อศร.... นางฟ้าของผม.....<br>เพื่อนซี้คนเดียวของผม...... คนที่ผมรัก..... หมดแล้ว....<br>หมด.......<br>หมด...... หมด.... ... .. .ผมรู้สึกเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง<br>น้ำตาผมไหลท่วมหน้า พร้อมกับนึกถึงศร และอฐิษฐานบอกเธอว่า<br>”””ไม่เป็นไรนะ ศร ถ้าเธอเหนื่อยมานาน เธอก็จงหลับให้สบาย<br>เธอไม่ต้องเหนื่อย เธอไม่ต้องทนลำบากอีกแล้ว... ลาก่อน....”””<br>ผมอฐิษฐานอย่างยากเย็น เพราะทำใจไม่ได้<br>............. มันลำบากใจยิ่งกว่าอะไรๆ<br>ในชีวิตผมทั้งหมดที่ผมเคยเจอมา<br>....<br>คืนนั้นผมกลับบ้านตอนตี4 มาพักที่บ้านผม ใน กทม.<br>ผมนอนนิ่งด้วยอาการช๊อค...แน่นิ่ง แต่พอดีผมนึกได้...<br>ผมเลยกางกระดาษที่ศรให้ไว้ออกมาดู<br>สิ่งที่ผมได้เห็นทำให้ผมงุนงงยิ่งนัก.......<br>มันเป็นกระดาษลายการ์ตูนน่ารัก แบบมีเส้นบรรทัด ในกระดาษ<br>เขียนไว้ว่า <br>“ก ylno ว^or” ศรขออวยพรให้เธอสมหวังกับทุกๆเรื่องในชีวิต.... จาก<br>ศร...<br><br>”ก ylno ว^or” มันคืออะไร.... นี่เหรอ พรที่ศรให้ผมมา<br>ก่อนเธอจะจากผมไป แบบไม่มีวันกลับ<br>เธอทิ้งปริศนาอะไรไว้ให้ผม....?<br><br>26 สค - 2 กย. 2541<br>งานศพของศร ถูกจัดอย่างเงียบๆ<br>ไม่มีคนไปร่วมงานมากมายนัก.........<br>จบเรื่อง.... ของผู้หญิงคนนึง ของนางฟ้าของผมคนนึง ที่ชื่อศร<br>ไว้เพียงเท่านี้...<br><br>เหลือแค่เพียง.... กระดาษปริศนา กับข้อความ “ก ylno ว^or”<br>........................<br><br>25 สค. 2543<br>อีก 1 ปี ผ่านไป.....กับวันที่ปริศนาตัวหนังสือ “ก yluo ว^or”<br>ไขกระจ่าง......<br>..........1 ปี แล้ว ผ่านไปอีกแล้ว 1 ปี กับการจากไปของศร....<br>พรที่ผมไม่ได้พูดขอ.... คำตอบที่ศรไม่ทันได้อยู่พูดบอก.....<br>คืนนึงผมนั่งมองกระดาษที่ศรให้ผมมา เมื่อ 1 ปีที่แล้ว<br>ผมเอากระดาษแผ่นนั้น ไปใส่เคลือบแล้วใส่กรอบใสไว้<br>ผมยังตีความไม่ออก<br>ว่ามันคืออะไร...... ผมได้แต่นั่งเศร้า<br>นั่งรำลึกถึงเหตุการณ์ที่บาดหัวใจผมไม่รู้ลืม เมื่อ 1 ปีก่อน...<br>ผมยังไขปริศนาตัวหนังสือมานานครบปีแล้ว.....<br>ตัวหนังสือพวกนี้คืออะไร....<br>ผมนั่งน้ำตาไหล...อยู่คนเดียวในห้อง<br>นึกถึงศร ถึงคำอฐิษฐาน... ผมหลับตานั่งนึกถึงศร<br>แล้วผมก็อฐิษฐานว่า.....<br>ศร.... คำตอบที่ศรให้เรามา มันคืออะไรเหรอ บอกเราหน่อยนะ.....<br>แล้วไม่รู้บังเอิญ หรืออย่างไร ลมก็พัดเข้ามาในห้องผม วูบใหญ่ๆ<br>ทำเอากรอบใส่กระดาษที่ศรให้ผมมา ตกพื้น...<br>กระดาษที่อยู่ข้างในกรอบ.....พลิกกลับหัวขึ้นมาอีกด้านนึง......<br>“ก yluo ว^or” ....... น้ำตาผม....ไหลออกมาทันที...<br>ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าดีใจ<br>หรือรู้สึกอย่างไรดี.... แต่.. นี่เหรอ สิ่งที่ศรต้องการจะบอกผม<br>ก่อนเธอจะจากผมไป....<br>แต่เมื่อตัวอักษรปริศนานี้ไขกระจ่างออกมาได้<br><br>ผมจึงรับรู้ได้ ว่าพรที่ผมขอเธอ ที่ผมได้อฐิษฐานร่วมกับเธอ...<br>ก่อนเธอจะจากไป มันสัมฤทธิ์ผล..มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว<br>แต่ผมไม่เคยรู้เลย....<br>ข้อความนั้นก็คือ........<br>” LOVE ONLY U " :: <br> |
02/01/2547 13:59 น. |
ใคร บ่น อะไร วะ |
02/01/2547 21:58 น. |
จุฬาเก่งจริงทำไมไม่สร้างเทคโนโลยีใหม่ออกมาเพื่อพัฒนาประเทศชาติให้เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีตามนโยบายของรัฐบาลล่ะ ประเทศไทยจะได้กินดีอยู่ดีไม่มีคนตกงาน ไม่ใช่เก่งแค่ใช้เทคโนโลยีเท่านั้น การใช้เทคโนโลยีใครๆก็ใช้เป็นขึ้นอยู่กับว่าคุณจะใช้ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมากน้อยเพียงใดแค่นั้นเอง ให้คุณพึงระลึกเสมอว่าคุณคือคนไทย และจะตอบแทนผืนแผ่นดินไทยอย่างไร ท้ายนี้ผมขอฝากถึงวิศวกรทุกคน ให้ใช้ความรู้ความสามารถที่เรียนมาทำประโยชน์ให้กับประเทศมากๆนะครับ จากคนรักชาติ |
11/01/2547 01:01 น. |
มาดูที่โรงงาน SIAM NGK บ้างซิ<br>Eng 4 ปี และ 3ปี ทำงานร่วมกันไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลยเพราะไม่<br>ก้าวก่ายหน้าที่ของกันและกัน และตั้งใจทำงานเพื่อโรงงานของเรา<br> |
12/01/2547 14:29 น. |
ว่าไปแล้วจะจบ ๓ ปีหรือ ๔ปี จบจากรัฐหรือเอกชนมันอยู่ที่ความสามารถของบุคคลมากกว่าไม่เกี่ยวกับสถาบันหรอกอยู่ที่จุดเด่นของแต่ละคน |
15/01/2547 09:54 น. |
อย่าแบ่งแยกกันเลย ช่วยกันพัฒนาประเทศดีกว่า |