น้ำคือถือเป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ, สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต และอื่นๆ หากต้องเผชิญกับน้ำเมื่อใด ก็อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายได้มากอย่างคาดไม่ถึง
แต่อย่างไรถึงแม้จะทำการระมัดระวังหรือป้องกันอย่างดีแล้วก็ตาม แต่ว่าหลายๆอย่างก็เป็นไปตามสุภาษิตโบราณที่ว่า " สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชณ์ยังรู้พลั้ง' .... นั่นหมายถืงอุบัติเหตุและเหตุสุดวิสัยย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นเมือเกิดสุดวิสัยที่ทำให้อุปกรณ์ดังกล่าวต้องเปียกน้ำ หรือตกน้ำ ก็ไม่ควรตกใจและควรปฏิบัติตามแนวทางดังต่อไปนี้
1) เมื่อนำอุปกรณ์หรือมือถือออกมาจากแหล่งน้ำได้แล้ว พึงจำไว้เสมอว่าต้องไม่กดปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง ในทันทีโดยเด็ดขาด เพราะน้ำหรือความชื้นที่อยู่ในตัวเครื่องจะทำให้เกิดการลัดวงจรหรือซ๊อตเซอร์กิต ซึ่งจะทำให้เสียหายหนักมากกว่าเดิมหรือเกิดการเสียหายแบบถาวรได้เลยที่เดียว
2) ให้ทำถอดส่วนประกอบต่างๆ ของ อุปกรณ์หรือมือถือออกจากกันอย่างรวดเร็ว (ส่วนประกอบที่สามารถถอดได้เองตามปกติ) เช่น ซิมการ์ด, แบตเตอรี่, หน้ากาก, ฝาหลัง, ฯลฯ
3) เมื่อถอดส่วนประกอบต่างๆ เท่าที่สามารถถอดได้เรียบร้อยแล้ว ให้ทำการสลัดน้ำออกหรือใช้เครืองดูดฝู่น ( Vaccum Machine) ดูดออก หรือใช้นำผ้า(ชนิดที่ไม่มีขน) หรือกระดาษทิชชู (คุณภาพดี ไม่เป็นขุย) ซับน้ำที่เกาะอยู่ตามจุดต่างๆ ให้แห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้
*** ไม่นำไปตากแดด หรือ ใช้ไดร์เป่าผมเป่าให้แห้งเนื่องจากความร้อนจากแดด หรือลมจากไดร์เป่าผมที่มีความร้อนสูงอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์หรือวงจรอิเล็กทรอนิกส์ภายในได้
4) เมื่ออุปกร์ หรือ มือถือแห้งพอสมควร ให้ทำการกำจัดความชื้นที่หลงเหลือทั้งหมดด้วยการเอาโทรศัพท์ใส่หรือหมกไว้ในถุงข้าวสารประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าความชื้นจะหมดไปก่อนที่จะทำการเปิดสวิตซ์ใช้งานอีกครั้ง
*** วิธีนี้อาจจะไม่ได้ผลทั้ง 100 % แต่ส่วนใหญ่ได้ผลดีครับ
========================================================
================= ยูทุปของ 9engineer ,com ===================
คลิปที่น่าสนใจจัดทำโดย 9engineer.com ภายใต้ชื่อช่องTechnology talk Channel
**** นายเอ็นจิเนียร์ขอสงวนสิทธิ์รับรองความถูกต้อง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสารข้อมูล