13/03/2556 00:38 น. |
ไม่เข้าใจนะครับ มันมีไว้ทำอะไร เพราะว่าสุดท้ายแล้ว เวลาอุณภูมิมันลดลงต่ำกว่า 723°C มันก็เป็น pearlite เหมือนกันหมดมิใช่หรอครับ ผมรู้ว่าผมต้องเข้าใจอะไรผิดแน่เลย เลยอยากจะมาถามนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ |
13/03/2556 00:39 น. |
แก้ไขนะ iron carbon diagram |
13/03/2556 19:51 น. |
ถ้าอุณหภูมิที่จุด 723 องศาเซลเซียสจะเกิดปฏิกิริยายูเทกตอยด์ซึ่งโครงสร้างเหล็กแอลฟาหรือเฟอร์ไรต์สลับกับซีเมนต์ไต์เรียกว่า เพอร์ไลต์ โดยจะมีเปอร์เซนต์คาร์บอนด์ 0.83% จาก Phase Diagram ถ้า T ต่ำกว่า 723 จะมีโครงสร้างเพอร์ไลต์ ตามความเห็น จขกท ก็น่าจะถูกนะครับ รอผู้รู้มาช่วยอธิบาย |
13/03/2556 19:52 น. |
ถ้าอุณหภูมิที่จุด 723 องศาเซลเซียสจะเกิดปฏิกิริยายูเทกตอยด์ซึ่งโครงสร้างเหล็กแอลฟาหรือเฟอร์ไรต์สลับกับซีเมนต์ไต์เรียกว่า เพอร์ไลต์ โดยจะมีเปอร์เซนต์คาร์บอนด์ 0.83% จาก Phase Diagram ถ้า T ต่ำกว่า 723 จะมีโครงสร้างเพอร์ไลต์ ตามความเห็น จขกท ก็น่าจะถูกนะครับ รอผู้รู้มาช่วยอธิบาย |
13/03/2556 23:57 น. |
คือที่ผมสงสัยนะครับ สมมุติว่า มีจำนวนcarbon ผสมอยู่ 0.8% อุณภูมิที่เกิน 1112 °F ขึ้นไป มันจะเกิดอะไรก็ชั่งหัวมัน (สมมุติว่าเราไม่สนตรงนั้นนะ) แต่เวลาเราเอาเหล็กมาใช้ เราก็ใช้ที่ไม่เกิน 200°C อยู่แล้ว ก็คือเราก็สนใจที่อุณภูมิราวๆนี้ไม่ใช่หรอครับ ยังไงๆมันก็ออกมาเป็น Perlite+ferrite ไม่ใช่หรอครับ ปล. คำถามเชิงวิศวกรรม ต้องพิมพ์อะไรลงไปหรือครับ |
15/03/2556 19:54 น. |
ตอนแรกว่า จะพยายามหาคำอธิบาย แต่อ่านๆแล้ว จึงทำให้เกิดความเข้าใจบางอย่าง จึงขอตอบคำถาม ดังนี้ 1. ชีวิตของเราๆท่านๆ หรือ ในกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า "วิศวกร" "ผู้รับเหมา" หรือ ชื่อใดๆก็ตาม เราเป็นเพียง "ผู้บริโภค" ข้อมูล ข่าวสาร ทฤษฏี ตารางมาตรฐาน ฯลฯ ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า Applied Science ซึ่งมิใช่ "ผู้ผลิต" หรือกลุ่มที่เรียกว่า Pure Science ดังนั้น ทฤษฏีบางอย่าง เช่น กรณีคำถามนี้ อาจมีข้อสงสัย หรือขัดใจว่า มันมีทำไม หรือ มาอย่างไร ตอบได้ เพียงว่า ท่านยังไม่มีความสามารถเพียงพอในความเข้าใจ อันเป็นที่สุด ในแต่ละทฤษฏี หรือ มาตรฐาน นั้นๆ เพราะเรามิใช่ ผู้สร้าง เราเป็นเพียงผู้ใช้ สิ่งที่นอกเหนือจาก การใช้งาน แม้แต่ อาจาร์ย บางคนก็ยังไม่สามารถตอบได้อย่างถูกต้อง เหมือนผู้เขียน ทฤษฏี (ส่วนใหญ่ตายไปแล้ว บอกเล่าต่อๆกันมา เท่านั้น) 2. ทฤษฏี และมาตรฐาน ต่างๆนั้น มิได้ถูกใช้อยู่ในประเทศต่างๆ หรือ ในโลก บางทฤษฏีต้องสามารถตอบโจทย์ หรือคำถามของ การใช้งานที่อาจเกิดขึ้น ในอวกาศ หรือ ใต้ดิน จนถึง ใจกลางโลก ด้วยเช่นกัน 3. ทุกๆวันนี้ ยังคงมีหลายคนในกลุ่มของ Pure Science ที่ยังต้องมีหน้าที่ ค้นคว้า วิจัย ตามทฤษฏีต่างๆ เพื่อค้นหาที่มา หรือแม้แต่ การพิสูจน์ เพื่อการสร้างทฤษฏีใหม่ ตัวอย่างเช่น นักฟิสิกส์ควันตัมส์ รายหนึ่งที่พยายามพิสูจน์ ข้อบกพร่อง ในทฤษฏีสัมพันธภาพ ของ ไอสไตน์ ทั้งๆที่ สูตร E = MC2 ใช้กันอยู่ในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก และเขาก็สามารถพิสูจน์ ทางการคำนวณได้เช่นกัน ในกรณีของการเบียงเบียนของแสง บริเวณปากหลุมดำ ทั้งๆที่ ตามทฤษฏีเดิม แสงเดินทางเป็นเส้นตรง คงพอเท่านี้ นึกไม่ออก สรุป อย่าเสียเวลา ตั้งคำถามเลย พาลจะ งง เสียเปล่าๆ |
16/03/2556 18:59 น. |
คุณสืบศักดิ์ครับ เป็น lab อาจารย์ให้ส่อง microscope เหล็กครับ แล้วให้อธิบายว่าเป็นชนิทไหน โดยอธิบายควบไปกับ diagram ข้างบนนะครับ แล้วถ้าผมไม่เข้าใจ จะทำรายงานออกมาดีได้อย่างไรครับ |
17/03/2556 09:03 น. |
โครงสร้าง ระดับ โมเลกุล จาก BCC เป็น FCC หรือ UBC(มุก) อะไรก็ตาม มันเปลี่ยน ความหนาแน่นก็จะเปลี่ยน ความแข็งแรงเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเมื่อมันเย็นตัวลง โครงสร้างภายในเชิงโมเลกุล 1คิวบิก 4เหลี่ยนที่ใส่อะตอมของธาตุ จะจัดตัวให้หนาแน่นขึ้นได้ครับ เมื่อเหล็กร้อนกินจุดสุดยอดดอยแล้ว เย็นตัวลงมามันจะแข็งภายในเวลาและแรงดันที่ควบคุมในกราฟ (มั่ง) คือการชุบแข็ง จากการทดลอง แต่ถ้าลงมาในช่วงมาเทนไซ้(หรือเปล่า?) ก็จะกลายเป็นสินค้าที่เรียกว่า..(ให้ทาย)... |
18/03/2556 22:42 น. |
ขออภัย ที่ไม่เข้าใจคำถามของ คุณ Mathician เพราะอ่านจากคำถามดูเหมือน ต้องการทราบว่า มันมาได้อย่างไร และทำไมเมื่อโครงสร้างมันเหมือนกันหมด ที่ อุณหภูมิต่ำกว่า 723 องศา ซึ่งในความจริง เราใช้งานกันในช่วงอุณหภูมิระดับหนึ่งเท่านั้น นอกนั้นเป็น บางช่วงได้มาจากการคำนวณในทางทฤษฏี ซึ่งบางทีในห้องปฏิบัติการยังไม่สามารถทำได้จริง หรือให้เห็นได้จริง นอกจาก บางกรณี เช่นการเปลียนโครงสร้างโมเลกุลของคาร์บอน ในแรงกดบรรยากาศสูง ทำให้โมเลกุลเปลี่ยนไป ถ่านกราไฟท์ ก็กลายเป็น เพชร ได้ ซึ่งนั้นคือเป็น อีกแบบหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงของโมเลกุล ภายใต้ สภาวะผกผัน ของ แรงกดอากาศ และ อุณหถูมิ ที่แม้ว่า อุณหภูมิไม่ถึงตามตาราง แต่โมเลกุลก็เปลียนโครงสร้างได้ ตามทฤษฏีแปรผันของ อุณหภูมิ และแรงกดอากาศ |
02/03/2558 16:09 น. |
เฟสไดอะแกรม เหล็ก-คาร์บอน มีไว้เพื่อบอกว่าที่เปอร์เซ็นคาร์บอนและที่อุณหภูมิต่างๆนั้นเหล็กจะมีลักษณะอย่างไร ตามชื่อแหละค่ะ เฟส ก็คือแบ่งเป็นบริเวณของใครของท่าน ซึ่งเฟสไดอะแกรมตัวนี้จะใช้สำหรับการอบชุบหรือปรับปรุงสมบัติของเหล็กค่ะ สมมติว่าเรามีเหล็กคาร์บอน 2.06% (แกนนอนคือ %คาร์บอน) แล้วต้องการทำให้เหล็กนั้นมีโครงสร้าง Austenite+cementite+ledeburite เราก็ต้องใช้อุณหภูมิในการอบชุบไม่เกิน 1147 C ถ้าเกินไปแล้วมันก็จะเปลี่ยนโครงสร้างไปเป็นอย่างอื่น แต่ที่อุณหภูมิเดียวกันแต่%คาร์บอนเป็น 4.3% เหล็กก็จะเปลี่ยนเป็นเฟสของเหลวหรือหลอมละลายนั่นเองค่ะ ซึ่งแผนภูมิทำไว้ให้ดูเข้าใจง่ายและสะดวกต่อการนำไปใช้งานอ่ะค่ะ |
28/04/2562 08:13 น. |
ต่ำกว่า 723 องศาเซลเซียสเป็น pearlite เหมือนกันค่ะ แต่ก็ต้องดูที่เปอร์เซ็นคาร์บอนด้วย เพราะเหล็กที่มีเปอร์เซ็นคาร์บอนต่างกันจะมีคุณสมบัติทางกลไม่เหมือนกัน แม้จะเป็น pearlite เหมือนกันแต่จะมีการนำไปใช้งานในทางที่ต่างกัน |