15/07/2554 15:14 น. |
คือว่าผมอยากจะซื้อปั๊มลม มาแล้วเดินท่อลมทั่วโรงงาน กว้าง x ยาว 12 x 30 ม. เอาไว้ เป่าทำความสะอาดฝุ่นและเศษโลหะเวลาเลิกใช้งานเครื่องจักรครับ ไม่ทราบว่าผมจะเลือกใช้ปั๊มลมขนาดไหนแลละแบบไหนดีครับ ถ้าจะใช้ปั๊มลม PUMA 94 ลิตร 1 HP สองลูกสูบ พอมั้ยครับ ถ้าจะต่อไปใช้งานชั้นสองด้วยจะได้มั้ยครับมันจะเกิด PRESSURE DROP มากมั้ยครับ ขนาดท่อที่ใช้เดินควรจะใ้ช้เป็นท่ออะไรขนาดเท่าไหร่ครับ แนะนำทีครับ ขอบคุณครับ |
16/07/2554 11:24 น. |
ต้องถามต่อละครับ 1. ขนาดท่อลมที่ใช้เป่าขนาดเท่าไหร่ 2. กี่จุด 3. ระยะเวลาที่ใช้เป่า นานแค่ไหน เพื่อนำข้อมูลมาหาขนาดของปั๊มลม ของผมใช้ปั๊มลมแบบลูกสูบ 7.5 HP ทั้งหมด 5 เครื่อง เวลาใช้งานปกติจะมีการหยุดพักบ้าง ถังลมขนาด 2,000 ลิตร แรงดัน 7-9 บาร์ แต่ถึงเวลาทำความสะอาด (ใช้ลมเป่าเครื่องจักร) แรงดันเหลือ 4-5 บาร์ ปั๊มลมทำงานทุกตัว แต่ถ้าเป็นไปได้ผมว่าควรใช้อย่างอื่นจะดีกว่าการใช้ลมเป่า ผมว่าต้นทุนที่ใช้มันจะสูง ทั้งพลังงานและการบำรุงรักษา |
16/07/2554 18:17 น. |
หลายแห่ง เกิดอาการ ขี้เกียจ โดยคิดว่า เอาลมมาเป่าเครื่องหลังเสร็จงาน นี่ถ้าเรียนในสมัย อดีต โดนตีกันมือหักไปแล้ว เพราะการใช้ลมเป่า อาจก่อให้เกิดปัญหามากมายในภายหลัง โดยไม่รู้ตัว คิดว่ามันสะดวกดี ประเด็นถัดมา ถังแค่ 94 ลิตร ทราบไหมว่า ปืนลมที่เอามาใช้นะ มี Flow Rate กี่ลิตร ต่อนาที เอาแค่ไม่มา 20 ลิตรต่อนาที แค่ 5 นาทีก็หมดถังเก็บแล้ว และ ปั้มแบบ สองสูบที่ว่า อัดลมได้ กี่ลิตรต่อนาที แค่บอกว่า จะใช้ชั้นสองด้วย บอกได้เลยว่า ไม่พอ กลับไป คำนวณปริมาณการใช้ใหม่ เสีย และ ทุกอย่างเขามี ข้อมูลบอก ไม่ว่าจะเป็น ปืนเป่าลม, ปั้มลม อัตราการอัดลม ที่เหลือ ก็ลองหาดูว่า จะใช้กัน สักกี่จุด สำหรับการ ขจัดเศษ บนโต๊ะงานที่ถูกต้อง เขาใช้แปรงปาดออก แล้วใช้ coolant ล้างให้เศษไหลไปตามน้ำ จะไม่ทำให้ ฝุ่นย้อน เข้าไปตามรางสไลด์ได้ เอาลมเป่า บางที สนุกมือไปหน่อย เป่าเสร็จ เศษกระเด็นเข้าตา คนข้างๆ เสียตังค์พามันไป โรงพยาบาลอีก แต่ก็ไม่ได้ห้าม นะ เชิญได้ตามสะดวก แล้วแต่ท่านทั้งหลาย แต่อย่าลืมว่า ลม ก็เป็นต้นทุนได้นะ เพราะต้องใช้ไฟฟ้า ปั้มอัด อย่างคิดว่าไม่เป็นต้นทุน |