22/10/2552 16:13 น. |
สอบถามว่า สูตรของกระแส แรงดัน แรงบิด ความเร็วรอบมีความสัมพันธ์กันอย่างไร |
23/10/2552 10:25 น. |
ถามค่อนข้างกว้าง ตอบลำบาก เอาหลักการพื้นฐานไปทำความเข้าใจก่อนแล้วกัน<br>ตรงไม่ตรงค่อยว่ากันอีกที<br><br>สมการกระแสพื้นฐาน I = V - E / Z<br>V = input voltageม E = Back emf or Speed voltage<br><br><br>สมการทอร์คพื้นฐาน T = K I O ( Flux) : ซึ่งคล้ายกับสมการดีซีมอเตอร์<br>K = ค่าคงที่ในการออกแบบ , O ( Flux หรือเส้นแรงแม่เหล็ก) สัมพันธฺ์กับกระแส ซึ่งแปรผันตรงกับความสัมพันธ์ระหว่าง V/F<br><br>สมการความเร็วพื้นฐาน N = 120 * f / P ==> f คือ ความถื่ , คือจำนวนขั้วแม่เหล็ก<br><br>สมการกำลังด้านเอาท์พุตพื้นฐาน Pm (w) = T (Nm) * N ( rpm) ==> Pm กำลังทางกลทางด้านเอาท์พุต , T คือ ทอร์ค และ N คือความเร็วรอบสนามแม่เหล็ก<br><br><br>พิจารณาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกระแส แรงกัน ทอร์ค และความเร็วรอบช่วงสตาร์ท<br><br>จากสมการกระแสพื้นฐาน I = V - E / Z<br>ช่วงสตาร์ทแรงดัน V จะมีค่าคงที่ (กรณีจ่ายแรงดันตรงไม่ผ่านอินเวอร์เตอร์) ส่วน E = Speed voltage จะมีค่าเท่ากับศูนย์<br>ส่วน Z จะมีค่าคงที่เมื่อความถี่คงที่ ดังนั้นช่วงเริ่มต้น กระแสสตาร์ทจะสูง และส่งผลทำให้ ทอร์คขณะสตาร์ท หรือ starting torque สูง<br>หลังจากมอเตอร์ออกตัวเริ่มหมุน ก็จะทำให้ E = Speed voltage ก็จะมีค่าเพิ่มขึ้นตามความเร็ว ซึ่งก็จะทำให้กระแสลดลงตามลำดับ และส่งผลทำให้ทอร์คลดลงเข้สู่ทอร์คพิกัด <br><br>ส่วนความเร็ว <br> ถ้าจำนวนขั้วแม่เหล็กคงที่ ความถี่คงที่ ความเร็วสนามแม่เหล็กหมุนก็จะคงที่ จะเปลี่ยนแปลงเฉพาะความเร็วโรเตอร์เพียงเล็กน้อย สามถึงหกเปอร์เซ็นต์ โดยขึ้นอยู่กับโหลดหนักหรือเบา<br><br>ความสัมพันธ์ระหว่างทอร์ค ความเร็ว และกำลัง<br> Pm (w) = T (Nm) * N ( rpm) <br>มอเตอร์แต่ละตัวจะมีกำลังทางด้านเอาท์พุทหรือกำลังกลคงที่เช่น5 แรงม้า 7.5 แรงม้า หรือ 5.5 KW เป็นต้น คล้ายกับช้าง ม้า วัว ความ ตัวหนึ่ง แต่ไม่มีสมองซึ่งไม่สามารถควบคุมตัวเองไม่ทำงานเกินกำลัง <br>ดังนั้นคนที่ออกแบบหรือควบคุมจะต้องเข้าหลักการเพื่อไม่ให้มอเตอร์ทำงานเกินกำลัง มิฉนั้นมอเตอร์จะไหม้<br><br>โดยหลักการกำลังทางกลหรือเอาท์พุตเป็นผลผลิตของ ทอร์ค กับ ความเร็ว ดังนั้นเมื่อมีกำลังคงที่ มอเตอร์แต่ละตัวก็จะมี พักัดการใช้งานด้านความเร็วและทอร์ค ตามข้อกำหนด <br>ดังนั้นการใช้งานต้องคำนึงถึงสองปัจจัยหลัก คือทอร์ค กับความเร็ว กล่าวคือ ถ้าจะใช้งานที่ความเร็วสูงกว่าพิกัด ก็ควรต้องลดทอร์ดลงตามสัดส่วนให้ต่ำกว่าพิกัด หรือ กรณีต้องการใช้ทอร์คมากกว่าพิกัด ก็ต้องลดความเร็วลงตามสัดส่วนให้ต่ำกว่าความเร็วพิกัด เพื่อรักษาระดับกำลัง Pm (w) ให้คงที่ เพื่อป้องกันมอเตอร์เสียหาย<br><br>เปรียบเทียบแล้วก็คล้ายกับรถยนต์ หรือรถบรรทุก หรือ วัวความเทียมเกวียน<br> เมื่อบรรทุกของหนัก คนขับจะรู้ว่าจะวิ่งด้วยความเร็วเท่าไหร่ เช่นไม่เกินร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อส่งของเสร็จเหลือแต่รถตัวเปล่า<br>คนขับก็สามารถเพิ่มความเร็วให้สูงขึ้นได้ <br><br>หรือม้าเทียมเกวียนสมัยโบราญก็เช่นกัน เมื่อขุนศึกออกไปรบ มีการบรรทุกเสบียงไปด้วย ก็ไปแบบช้าๆ ไม่ให้เกินพิกัดแรงม้า<br>ยามพลาดพลั้งเสียท่าแก่ข้าศึก ขุนศึกก็จะถีบเสบียงอาหารทิ้ง และก็วิ่งหนีด้วยเกวียนหรือม้าตัวเปล่า เพือลดทอร์คและเพิ่มความเร็ว <br>เนื่องจากพิกัดกำลังจำกัด<br> |
15/03/2553 11:48 น. |
เยี่ยมครับ อธิบายเข้าใจง่ายดี |