24/04/2552 23:50 น. |
ผมส่งมอเตอร์ไปซ่อมที่ร้านซ่อมมอเตอร์ในใบรายงานการซ่อมในช่องที่เขียนว่าsurge testคือการtestแบบไหน และค่าbearing <br>test ควรอยู่ที่เท่าไหร่ บางร้านก็มีหน่วยเป็น dbc,dbm,g RMS<br> |
25/04/2552 12:21 น. |
ขอลอกกระทู้เก่ามาตอบนะครับ<br><br>Surge Test มีชื่อเต็มๆว่า Surge Comparison Test เป็นการทดสอบขดลวดต่างๆโดยใช้วิธีการเปรียบเทียบ รูปร่างของสัณญาณ 2 สัณญาณ ที่ได้จากการปล่อย Surge Voltage เข้าไปที่ขดลวดที่ต้องการทดสอบ จำนวน 2 ขดลวด จากนั้น จะนำรูปร่าง Response ที่ออกมาจากขดลวดมาพิจารณา<br><br>ถ้าขดลวดมีสภาพ ปกติ สัณญาณทั้งสองควรจะทับกันสนิทพอดี แต่ถ้า ไม่ทับกันสนิท แสดงว่า ขดลวดทั้งสอง มีอะไรที่ไม่เหมือนกัน เช่น มีการช็อตเทิร์น หรือ ช็อตลงกราวด์<br><br>ดังนั้นในการทดสอบ จะต้องทำการทดสอบจำนวน 3 ครั้ง โดยสลับกันไปทีละคู่ของเฟสมอเตอร์ ( U-V , V-W, U-W )<br><br>Shock Pulse จะใช้หลักการที่ว่า สมมุติว่าเราสามารถผลิตลูกปืนได้ตามอุดมคติ คือ 1 ไม่มีความผิดปกติที่เม็ดลูกปืนเลย ( เม็ดลูกปืนกลม และไม่มีร่องรอยเกิดขึ้นเลย ) และเราใช้สารหล่อลื่นลูกปืนที่ไม่มี แรงเสียดทานเลย เราจะได้สัญญาณ ซึ่งถือว่าเป็นธรรมชาติของลูกปืนเมื่อมีการหมุน สัญญาณที่ว่าได้แก่สัญญาณ Shock Pulse <br><br>สัญญาณ Shock Pulse จะมีขนาดแปรเปลี่ยนไปตาม ขนาดของแบริ่ง ( ขนาดเพลา ) และ ความเร็วรอบ นั่นก็หมายความว่า มอเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งแน่นอนต้องใช้แบริ่งขนาดใหญ่ เมื่อมีความเร็วรอบที่เท่ากับมอเตอร์ขนาดเล็กจะมีขนาดของสัญญาณ ที่มีค่าสูงกว่า และค่าสัญญาณ นี้เราจะเรียกว่า dbi ฉะนั้น จะเห็นได้ว่า ค่า dbi จะแปรเปลี่ยนตาม ขนาดแบริ่งและความเร็วรอบ<br><br>ในทางปฏิบัติเราไม่สามารถที่จะผลิตลูกปืนที่มีความกลมและไม่มีร่องรอยได้อย่างสมบูรณ์ ฉะนั้น แบริ่งจะผลิตสัญญาณ ขึ้นมาอีกตัวหนึ่งคือ dbm ซึ่งก็หมายความว่า dbm จะเป็นตัวที่บอกสภาพความเสียหายของเม็ดลูกปืน <br><br>และในทางปฏิบัติเช่นเดียวกัน ที่เราไม่สามารถที่จะผลิตสารหล่อลื่นที่ไม่มีแรงเสียดทานได้ ฉะนั้นจึงทำให้ มีค่า dbc เกิดขึ้น<br><br>ฉะนั้นจะได้ว่า กรณีที่แบริ่งเป็นอุดมคติ ค่าของ dbm และ dbc จะมีค่าเท่ากับ dbi หรือหมายความว่า เม็ดลูกปืนไม่มีรอย และมีสารหล่อลื่นที่ไม่มีแรงเสียดทาน<br><br>โดยทั่วไป รอยของเม็ดแบริ่ง และ สารหล่อลื่น ซึ่งจะเป็นองค์ประกอกในการวิเคราะห็ปัญหาของเม็ดลูกปืน ฉะนั้นเราจึงใช้ค่า ของ dbm และ dbc มาใช้ในการวิเคราะห์ปัญหา และเนื่องด้วยค่า dbm และ dbc จะเป็นค่าที่ต่อยอดมาจาก dbi ฉะนั้นในการวิเคราะห์จึงต้องนำเฉพาะส่วนต่าง มาพิจารณา ซึ่งจะเรียกว่า การพิจารณาค่าในรูปของ สเกล dbn<br><br>การพิจารณาค่าต่างๆมีแนวทางการพิจารณาดังนี้<br>1. การพิจารณาเฉพาะค่า dbm<br>ค่า dbm 35-40 มีร่องรอยของความเสียหาย<br>40-45 มีความเสียหายค่อนข้างมาก<br>> 45 เสี่ยงต่อการพังทลาย<br><br>2. การพิจารณาค่าความแตกต่างระหว่าง dbm และ dbc<br>ความแตกต่างระหว่าง dbm และ dbc ไม่ควรเกิน 20 เช่น dbm 34 แต่dbi 12 แสดงว่า เม็ดลูกปืนมีร่อยรอยค่อนข้างมาก แต่สารหล่อลื่นปกติ เมื่อเทียบกับ dbm 34 และdbc 30 จะวิเคราะห์ได้ว่าเนื่องจากการหล่อลื่นที่ไม่มีทำให้ dbc มีค่าสูงและจะพา dbm สูงไปด้วย ในกรณีหลัง การอัดจาระบีเพิ่มจะทำให้ค่าทั้งสองลดลงมา<br> <br>มานพ<br>17 ต.ค. 48<br>เวลา 20:39:17 <br> ค่าดังกล่าวทั้ง3ค่านี้ นอกจากการใช้เครื่องมือ spm ในการตรวจสอบสภาพแล้ว ยังมีเครื่องมือประเภทใหนอีกที่สามารถใช้วัดค่า shock pulseที่ได้ผลดีใกล้เคียงกันครับและส่วนใหญ่ในบ้านเราใช้มาตรฐานใดมารองรับ หรือเป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณาสภาพความเสียหายของตลับลูกปืนที่ใช้งานอยู่ครับ <br> <br>ช่างซ่อมมอเตอร์<br>17 ต.ค. 48<br>เวลา 21:04:37 <br> เท่าที่ทราบ เทคนิคการวิเคราะห์แบริ่งจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบคือแบบที่ใช้หลักการของ SPM ซึ่งย่อมาจาก Shock Pulse Method และแบบที่ใช้วัดพลังงานที่ออกมาจากแบริ่ง ซึ่งมีหน่วยวัดเป็น ค่า g ทั้งสองแบบเป็นเทคนิค (หรือวิธีที่ใช้ในการวิเคราะห์ ) ไม่ใช่สแตนดาร์ด ซึ่งมีรายละเอียดการวิเคราะห์ที่ต่างกัน พอดีผมจะคุ้นเคยกับ SPM มากกว่า ทำให้อีกแบบหนึ่งผมจะไม่ค่อยมีข้อมูล<br><br>และทั้งสองแบบ ถูกใช้เป็นที่ยอมรับทั่วไป และมีค่าที่แนะนำในการวิเคราะห์ใช้งาน จะมีค่าที่สามารถเป็นแนวทางในการวิเคราะห์ปัญหา <br> <br> |
05/05/2552 19:59 น. |
การวิเคราะห์แบริ่ง....ที่เขาเรียกว่า Envalope มีใครเข้าใจมันบ้างปล่าวครับ |