08/05/2551 16:26 น. |
อยากรู้เนื้อหาเกี่ยวกับระบบกราวด์ |
15/05/2551 19:38 น. |
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2539 การไฟฟ้านครหลวงได้ออกประกาศให้ผู้ยื่นขอไฟฟ้ารายใหม่ จะต้องเดินสายไฟฟ้าให้มีระบบต่อลงดิน รวมทั้งต้องติดเต้ารับไฟฟ้าทุกตัวให้เป็นเต้ารับไฟฟ้าชนิดที่มีขั้วสายดิน นอกจากนี้ผู้ที่ขอใช้ไฟฟ้าเพิ่ม จะต้องมีการต่อระบบสายดินที่เมนสวิตซ์ หรือ อุปกรณ์สำหรับสับปลดวงจรที่มีอยู่ระหว่างสายเมนเข้ากับอาคารกับสายภายใน เป็นอย่างน้อย โดยประกาศดังกล่าวได้มีผลใช้บังคับเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้าให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นอีกระดับ ระบบสายดินเพื่อความปลอดภัย หมายถึง ระบบการเดินสานไฟเพื่อให้ทำหน้าที่เป็นสายดิน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใชไฟฟ้า จะมีส่วนประกอบที่สำคัญ 4 ส่วนด้วยกันคือ 1. หลักดิน คือ วัตถุที่ฝังอยู่ในดินที่ทำหน้าที่กระจายประจุไฟฟ้า หรือ กระแสไฟฟ้า ให้ไหลลงดินได้โดยสะดวก2. สายต่อหลักดิน คือ สายตัวนำที่ใช้ต่อระหว่างหลักดินกับส่วนที่ต้องการต่อลงดิน3. สายดินของอุปกรณ์ไฟฟ้า คือ สายตัวนำที่ต่อระหว่างขั้วต่อสายดินที่ได้มีการต่อลงดภายในตู้แผงสวิตซ์ประธานไปยังเปลือกโลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้าและ4. สายต่อฝาก หรือ สายประสาน เป็นสายตัวนำที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างขั้วต่อสานดิน หรือ ขั้วต่อสายศูนย์ที่มีการต่อลงดิน หรือ ตัวนำที่มีการต่อลงดิน กับวัตถุตัวนำอื่น ๆ ภายในบริเวณเดียวกัน เพื่อให้การปฏิบัติมีประสิทธิภาพจึงได้มีกฏการเดินสายและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวงพ.ศ.2538 ซึ่งมีสาระสังเขปเกี่ยวกับการติดตั้งระบบสายดินเพื่อความปลอดภัย ไว้ดังนี้ 1. ต้องมีการต่อลงดินในสายเส้นที่ไม่มีไฟที่เมนสวิตซ์โดยใช้หลักดินยาว 2.4เมตร ฝังลงไปในดิน2. เต้ารับทุกตัวจะต้องมีขั้วสายดินและเดินสานดินจากขั้วของเต้ารับมาต่อลงดินร่วมกับสายเส้นที่ไม่มีไฟที่เมนสวิตซ์3. ให้ต่อสายดินจากเครื่องใช้ไฟฟ้ามายังปลั๊กหรือเต้าเสียบที่มีขั้วสายดิน และต้องใช้เต้าเสียนั้นกับเต้ารับชนิดที่มีขั้วสายดินด้วย ในกรณีที่เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ใช้เต้าเสียบ แต่รับไฟจากสวิตซ์ตัดตอนหรือสวิตซ์อัตโนมัติให้เดินสายดินจากจุดที่ต่อลงดินที่เปลือกของเครื่องใช้ไฟฟ้ามาที่เมนสวิตซ์แล้วร่วมต่อลงดินกับสายเส้นที่ไม่มีไฟที่ตู้เมนสวิตซ์เช่นเดียวกัน ทั้งนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีสายดินจะมีสัญลักษณ์ที่แสดงเป็นสากลไว้ในตำแหน่งที่ต้องต่อสายดิน ส่วนเครื่องไฟฟ้าชนิดที่ไม่จำเป็นต้องมีสายดินจะต้องมีความหนาของฉนวนไฟฟ้าเป็น2 เท่าของความหนาปกติ นอกจากนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กับไฟฟ้าแรงดันไม่เกิน 50โวลต์ โดยต่อกับหม้อแปลงไฟฟ้าชนิดพิเศษที่ออกแแบไว้เพื่อความปลอดภัยก็ไม่จำเป็นต้องต่อสายดินเช่นเดียวกัน สำหรับเครื่องตัดกระแสไฟฟ้ารั่วในระบบที่ไม่มีการต่อระบบสายดินนั้น กระแสไฟฟ้าจะไหลลงดินไม่สะดวก ทำให้เครื่องตัดกระแสไฟฟ้ารั่วไม่ทำงาน นอกจากจะมีไฟฟ้ารั่วในปริมาณที่มากเกินพอเครื่องจึงจะตัดกระแสไฟฟ้า นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ซึ่งแท้จริงแล้วเครื่องตัดกระแสไฟฟ้าที่ดีควรต้องสามารถตัดกระแสไฟฟ้าได้ภายใน 0.04 วินาที ขณะเดียวกันก็ต้องมีความไวที่ไม่ไวมากเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดการตัดกระแสไฟฟ้าอยู่เรื่อยทำให้เกิดความไม่สะดวกแก่ผู้ใช้ไฟฟ้า ดังนั้นการพิจารณาวางระบบสายดินเพื่อความปลอดภัยและการใช้เครื่องตัดกระแสไฟฟ้าควบคู่กันจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันอุบัติเหตุและอันตรายจากไฟรั่วหรือไฟดูดทำให้มีความปลอดภัยสูงขึ้นแม้ว่าการติดตั้งระบบสายดินจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นกว่าระบบเดิมถึงประมาณร้อยละ20 ก็ตาม แต่หากเทียบกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินซึ่งประมาณค่ามิได้ เชื่อว่าทุก ๆ ท่านคงยินดีที่จะทำเพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น |
29/05/2551 16:55 น. |
มีเนื้อหาในวารสาร เทคนิค เครื่องกล ไฟฟ้า และอุตสาหการ หรือในเรื่องน่ารู้เทคนิคไฟฟ้า มีขายที่ร้านซีเอ็ดครับ. |