15/01/2551 10:13 น. |
อย่างเมื่อปีที่แล้วจตุคามมาแรงใช่ไหมคะ<br><br>ปีนี้ ทุกท่านคิดว่า น่าจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด....<br><br>(เป็นไกด์ให้อังนิดนึงนะคะ... จะได้เป็นไอเดียทำงานออกมา)<br><br>รูปบน เป็นงานที่ลองทำขึ้นค่ะ ไม่ค่อยสมบูรณ์ เพราะยังมือใหม่ |
15/01/2551 14:13 น. |
งานที่คิดออกมาเอง ..<br>ที่ไม่ได้ทำให้คนงมงายมากยิ่งขึ้น<br><br>งานที่ให้ปัญญา ที่เรามีส่วนช่วยสังคมได้ แล้วเราก็ขายได้ มันต้องมีบ้างละ<br>ปีที่แล้ว ทำจตุคาม คนทำรวย<br>แต่คนซื้อก็...เหมือนเดิม สังคมตกตํ่า<br><br><br>ลองปรึกษา พระพยอม เผื่อมี สิ่งศักดิ์สิทธ์ ไอเดีย ที่ ให้ปัญญา คนส่วนใหญ่ได้ ไม่งมงาย แล้วก็ทำขายได้<br>เท่าที่เห็นมา ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไหน มีอิทธิฤทธิ์<br>มากกว่า หยาดเหงื่อ และ ปัญญา<br>มาช่วยสังคมกัน<br><br>อาจจะเป็นเหรียญ ศีล 5 <br>เหร๊ยญ หลัก การใช้ชีวิต <br>เหรียญ การสร้างตัวจาก 0 รวยได้ ไม่ต้องโกง<br>เหรียญ หลักการปฏิบัติ ตนเพื่อชาติโดยแท้จริง<br>สำหรับนักการเมือง <br><br><br>ออกกันมาเป็น series เลย <br><br>ไม่ก็ออกแนวอนุรักษ์ วัฒนธรรม ศิลปะ ไทยต่างๆ<br><br>อะไรก็ได้ ที่ช่วย สังคมได้โดยรวม แม้จะเป็แค่จุดเล็กๆ<br>แต่มันยิ่งใหญ่ในหัวใจ<br><br>ไม่เห็นด้วยไม่ว่ากันจ๊ะ<br><br><br><br><br><br><br> |
15/01/2551 16:26 น. |
ทำไมไม่ลองทำที่ใจของคุณ...ผมว่าดีกว่าทำของพวกนี้อีก |
15/01/2551 18:10 น. |
ทำใจ ช่วยได้ แค่ตัวเอง เห็นแก่ตัวเอง เอาตัวรอดได้คนเดียว คนอื่น ไม่สน<br><br>จะมีประโยชน์อะไร ถ้า ดีอยู่คนเดียว ไม่แบ่งปัน<br>จะมีประโยชน์อะไร ถ้า บ้านเรามีตังค์มหาศาล แต่ออกไปหน้าบ้าน สลัมเต็มไปหมด<br>วันนี้ เราอาจมีรั้ว ล้อมบ้าน อยู่สุขสบาย<br>แต่ซักวันหนึ่ง เมื่อคนสลัมพวกนั้น หมดทางไป ก็คงเข้ามาปีนเข้ามาบ้านเราบ้างสักวัน <br><br>เรามักเคยชิน และโดยปลูกฝัง โดย ไม่รู้ตัว ว่า ช่างมันเถอะ เอาน่า หญวน กันไป ไม่ใช่เรื่องของเรา<br>แต่ลืมคิดไปว่า นั่น เป็นสังคมของเรา และเราก็ต้องเป็นส่วนหนึ่งในสังคมนั้น ไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่ง<br><br>ปีที่แล้ว คนทำจตุคาม 10 คน มีรายได้เพิ่มขึ้น<br>คนซื้อ 90 คน มีรายได้ลดลง<br>คนซื้อ 90 คน หาเงิน ที่ควรจะใช้ ในทางที่ถูก หลัก ร้อย หลัก พัน เพื่อแลก กับความหวังที่จับต้องไม่ได้ และความสบายใจ<br><br>อีก 2 ปีผ่านไป คน 90 คนนั้นจะได้อะไร นอกจาก ก้อนอะไรสักก้อน มาเก็บไว้ และหวังว่ามันจะทำให้รวย และเก็งราคาได้<br><br>เราก็จะมี คน 90 คน ที่ ไม่ได้มีการพัฒนา หรือฉลาดขึ้นเลย หรือ ถ้า 90 คน นั้น คือ 40 เปอร์เซนต์<br>ของประเทศ <br><br>ก็ เตรียมหา ที่อยู่ใหม่ให้ลูกๆ ได้<br><br>ถ้าบรรพบุรุษ หรือ ผู้นำ หรือ กษัตริย์ เรา ในอดีต มัวแต่ทำใจ ไม่มองภาพรวมๆ เห็นแก่ ส่วนตัว<br>คงมีเสียกรุง มากกว่า 2 หน<br><br>และนี่เราก็กำลังล่อแหลม ในการเสียกรุง หนที่ 3 <br>ในสงครามแบบใหม่ เนื่องจากอ่อนด้อย ด้านปัญญา<br>และการแยกแยะ ผิด ชอบ ชั่ว ดี<br><br>ทุนนิยม คือระบอบเห็นแก่ตัว <br>ว่ากันตามตำราส่วนใหญ่ ด้านทุน ก็ี่จะสอนให้ คน 10 คน เอาเงินจากคน 90 คน (จาก 100 ) ที่เหลือมาไว้ที่ตัว และให้คน 90<br>คน นั้น ทำงานให้ คิดวางระบบ ให้ คน 90 คนนั้น ทำเงินให้<br><br>แม้เราจะหนีทุนนิยมไม่พ้น แต่ เราก็อยู่กับมันได้ ถ้ารู้ทันระบบ และสร้างเกราะให้ตัวเอง<br><br>เครื่องมือที่สร้าง เกราะ ให้ตัวเอง คือความรู้ รู้ทัน ไม่งมงาย คือหลัก เหตุและผล <br><br>ไม่ทำงานก็ไม่มีเงิน หรือทำงานหนักแต่ไม่ฉลาด ก็เหนื่อยหน่อย<br><br>ถ้าประเทศนี้ มีแต่คนคอยทำใจ ไม่ช่วยแก้ไข อีกหน่อย ประเทศนี้ ก็จะทำได้ แค่....ทำใจ<br><br>ทำของพวกนี้ ดีกว่า ทำใจ<br><br><br> |
15/01/2551 18:19 น. |
สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีอยู่ในสากลโลก แล้วแต่ว่าจะยึดเหนี่ยวสิ่งใดไว้ครับ อยู่ที่ความศรัทธา แต่ผมว่าคุณอัง ไม่ควรเอาเบื้องสูงมาทำเพื่อการพาณิชย์นะคับ |
15/01/2551 21:25 น. |
ผู้หญิงคนหนึ่ง แก้ผ้าให้ศิลปิน วาดรูป<br>ชาวบ้านผ่านมาคนหนึ่ง พูดว่า อุบาทว์ ไม่มียางอาย<br><br>คนเดินผ่านมาคนหนึ่ง พูดว่า รูปอะไรช่างงามเหลือเกิน<br><br>แมวตัวหนึ่งเดินผ่านมา ร้องว่า เหมียว<br><br>ก้อนหินก้อนหนึ่ง บ่นว่า .........................<br><br>พระรูปหนึ่งเดินผ่านมา แล้วก็ผ่านไป<br><br>พอดีผมก็ผ่านมา ได้แต่ อมยิ้ม<br><br>แล้วก็ร้องเพลงว่า <br>สุขกันเถอะเรา ด่ากันทำไม่<br>อย่ามัวอะไร เสียเวลาไปเปล่า<br><br>แล้วก็เดินผ่านไป<br><br><br><br>ถ้าแยกพุทธพาณิชย์ ออกจากพุทธศิลป์<br> |
15/01/2551 22:22 น. |
ปรัชญากันใหญ่<br>ขอตอบแบบตรงคำถามสักคนแล้วกัน<br>คิดว่าน่าจะเป็น พระพิฆเนต นะ<br>กระแสกำลังมา แต่จะแรงแค่ไหน ไม่รู้ เพราะไม่ได้อยู่ในวงการ |
15/01/2551 22:27 น. |
เดี๋ยวจะหาว่าไร้สาระ แบบว่า...<br>วัตถุมงคลไม่ได้ทำให้ศาสนาเสื่อม<br>ที่เสื่อมคือตัวคน ต่างหาก ที่ห่างไกลศาสนา จนแยกแยะไม่ได้ |
15/01/2551 22:56 น. |
ท้าวเวชสุวรรณ ราหู พระพิฆเนศ |
16/01/2551 09:24 น. |
เคยได้อ่านหนังสือฝรั่งนะครับว่าถ้าเป็นอย่างอื่นกฎคือ 80/20 แต่การเงินคือ 90/10 ครับ ก้อน่าสนใจนะครับ |
16/01/2551 10:03 น. |
คนที่ติอัง นี่ ไม่ทราบว่าเป็นอะไรกันมากหรือเปล่าคะ.....<br><br>ถามความคิดเห็นเท่านั้นค่ะ....<br><br>คุณยังไม่ทราบกันเลยว่า อังจะแกะ และขายนี่ อังทำไปเพื่ออะไร<br><br>คุณยังไม่ทราบกันเลย ก็พูดจากันสักขนาดนี้แล้ว<br><br>เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ....<br><br>งานของอังคือพนักงานบัญชี ก็ไม่ได้คิดจะไปต่อยอดไปทำพุทธพาณิชย์อะไรหรอกค่ะ<br><br>แค่รายได้จากที่อังขายนี้ หักต้นทุนแล้ว....ก็จะไปให้กำไรทั้งหมดกับบ้านเด็กกำพร้าเท่านั้นเอง<br><br>แค่หัวมันตื้อ ... คิดไม่ออก...<br><br>ไม่ต้องเอาปรัชญาธรรมมาสอนหรอกค่ะ<br><br>เปิดเว็บไซด์ธรรมะเดลิเวอร์รี่ ก็มีพระอาจารย์จริง ๆ มาสอนอยู่แล้ว<br><br>พระจริง ๆ ไม่ใช่คนแบบว่ามือถือสากปากถือศีล...... |
16/01/2551 10:28 น. |
ขอบคุณ คุณเอก และ คุณผ่านมา ที่แนะนำ คิดไว้เหมือนกันค่ะ ว่า น่าจะเป็นที่นิยม <br><br>แต่ที่ให้แยกแยะ หรืออะไรประมาณที่คุณผ่านมาพูด<br><br>สงสัยว่า จะมีคนเป็นหนักยิ่งกว่าอังมานานแล้วค่ะ<br><br>อย่างพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ทำจตุคามขาย<br><br>พระองค์นั้นเป็นพระที่ไม่ดีหรือคะ? ท่านทำเพื่อ นำเงินที่ได้ไปสร้าง โบสถ์ เอาไปบำรุงศาสนา<br><br>กลับไปคิดกันใหม่นะคะ<br><br>คำถามแค่นี้ กลับได้คำตอบที่ไม่น่าฟังมา<br><br>ย้อนกลับถามตัวเองนะว่าพวกคุณคิดอะไรกันอยู่...<br><br>ถึงได้แสดงความคิดที่ไม่ฉลาดออกมา |
16/01/2551 11:14 น. |
ผมขอโทษด้วยแล้วกัน ถ้าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณอังเข้าใจผิด คิดอะไรที่สร้างสรรค์ และมีประโยชน์ก้ทำเถอะครับ ดีไม่ดีมีจะคนยกย่องด้วย |
16/01/2551 11:31 น. |
คนที่สอน Artcam เค้าบอกอังว่า ถ้าอังทำงานอะไรที่เกี่ยวกับการกุศล เค้ายินดีที่จะสอนแบบไม่รู้จบ |
16/01/2551 13:33 น. |
ผมแค่แนะว่า ไหนๆ จะทำอะไรมาทั้งที ก็ให้ได้ประโยชน์<br>โดยรวม สร้างสรรค์สังคม อุตส่าห์ นั่งคิด ลงแรง ลงทุน คิด กำไร สรตะ ... ไม่ว่าจะทำ อะไร ก็ใช้ กระบวนเดียวกัน<br>ต่างกันแค่โจทย์ตอนแรก<br><br>จะพิมพ์หนังสือสักเล่ม ยังไงก็ใช้โรงพิมพ์เดียวกัน<br>อยู่ที่ว่า จะทำหนังสือเรียน หรือหนังสือโป๊<br><br>แค่นั้น<br><br>ทุกสังคมทุกวงการมีคนดี และไม่ดี เก่ง และไม่เก่ง<br>เป็นหมอ ก็ใช่จะเก่งทุกคน<br>จบ 1 รุ่น ก็ไม่ได้เกียรตินิยมทุกคน<br>จะเรียกว่าหมอเก่ง ก็ต้องว่าเป็นรายคน<br><br>ไม่เว้นแม้แต่ วงการพระ<br><br>พระ ก็มี ระดับความเก่ง ความรู้ต่างออกไป<br>แล้วแต่พื้นฐานดั้งเดิม ความรู้ การศึกษา ของแต่ละท่าน<br>บางท่าน การศึกษา ดั้งเดิมดีเยี่ยม ครอบครัวดี จิตใจดี<br>สนใจพุทธศาสนา ก็เข้ามาศึกษา เผยแผ่ ในหลักการที่ถูกต้อง กลับกัน บางท่านเบื้องหลังดี<br>แต่พอมาบวช เจออาจารย์ สั่งสอนผิดทาง ก็เพี้ยนไป<br><br>บางท่านต่างจังหวัด ไม่มีโอกาส ศึกษา ทางที่ดี<br>พระพี่เลี้ยง ก็ส่งเสริม สั่งสอน ไปทาง ด้านลบ<br>สอนจิตวิทยา การ พูด การจูงใจ เพื่อหาทางเอาปัจจัยจากญาติโยม<br><br>คนงานบางคน อยู่ต่างจังหวัด ไม่มีงานทำ<br>ก็ไปบวช ถามว่า บวชทำไม ก็ตอบง่ายๆ ว่า ไปเก็บตังค์<br><br>การเป็นพระนั้น เพียงข้ามวัน ก็เป็นได้ <br>วันนี้ เป็นคนไม่เอาไหน กินเหล้าไม่ทำงานไม่มีอะไรทำแล้ว ไปขอหลวงพ่อบวชดีกว่า<br>ห่มจีวรเสร็จ รุ่งขึ้น ออกบิณฑบาต ก็มีคนมาไหว้แล้ว<br><br>บางทีในความคิดผม เป็นการส่วนตัว เท่าที่ เรียนรู้มา<br>พุทธศาสนาที่แท้ ไม่เคย สอนให้ เคารพ รูปปั้น บูชา <br><br>แก่นของ มัน อยู่ในคำสอน หลักธรรม พระไตรปิฎก<br>รูปปั้น รูป เคารพ เป็น กุศโลบาย<br>บางครั้ง กุศโลบาย หรือพิธีกรรม ก็ มีมากกว่า แก่นของธรรม ในการนำเสนอ จนบางครั้ง เราก็เขวไป<br>ถ้าไม่หลอกตัวเอง ถามว่า เราเข้าวัด ทำบุญ ฟังพระเทศน์ เวียนเทียน ...เราเข้าใจความหมายของมันไหม<br><br>หรือแค่ให้ได้ชื่อว่า เราเข้าวัด ฟังพระสวด บาลี ที่เราฟังไม่รู้เรื่อง เอาเงินทำบุญให้วัด แล้วออกมา เราสบายใจ เรารู้สึกว่า เราได้ทำบุญ แล้วได้เข้าวัด แล้ว<br><br>แต่สิ่งที่ขาด คือไม่ได้ปัญญาเพิ่ม<br><br>แค่ ศีล 5 ที่เรียนมาตั้งแต่เด็ก ไม่ต้องรู้ อะไรลึกซึ้งมากมาย ถ้าทำได้ ก็ไม่จนแล้ว ไม่ต้องไปเข้าวัดได้ ตลอดชีวิต ก็ถือว่าทำบุญแล้ว<br>แค่ไม่กินเหล้า ก็ เพิ่มเงินในกระเป๋า ได้อีกโข<br><br>รูปปั้น รูป เคารพ ไม่ได้เกิดจากพระเจ้าสรร สร้าง<br>ไม่ได้เกิดจาก พระพุทธเจ้า มาบันดาล<br><br>แต่เกิดจาก คน ในความเชื่อต่างๆ สร้างขึ้น เพื่อผล ที่ผู้สร้างต้องการต่างๆ กันไป<br>แม้ พระไตรปิฎก ยังมีการสังคายนา <br>สังคายนาโดยใคร โดยพระ หรือผู้รู้ <br>พระ หรือผู้รู้ ก็คือ คน คนที่มีอายุ ไม่เกิน 100 ปี<br>ไม่มีใครเกิดทันพุทธกาล <br>คน ๆ นั้น หรือกลุ่มนั้น ก็ มีความรู้ต่างกัน<br>มีความเชื่อ เป็นของตัว สื่อที่ท่านศาสดา ต้องการสื่อหาเรา ก็อาจมีผิดเพี้ยนบ้าง ตามการสังคายนาแต่ละครั้ง<br>ถึงต้องมีการเช็คอยู่เรื่อยไป<br><br>เหมือนเกมส์ ที่ พูดต่อๆ กัน คนที่ 1 พูด ต่อๆกันถึง คนที่สิบ<br>พูดปาก ต่อ ปาก ต่อๆ กัน ไป ยากที่คนที่ 10 จะพูด เหมือนคนที่หนึ่ง<br><br>สารที่ศาสดา ต้องการ ส่งมาหาเรา รุ่น ต่อรุ่น ก็มีการเพี้ยนไป ตามแต่ใคร จะตีความ<br><br>เช่นกัน ก็แล้วแต่พระท่านใดจะตีความ หรือ เรียนมาจากตำราไหน สายไหน<br>ถึงยังมีพุทธ หลายนิกาย ทั้งที่เริ่มจาก ศาสดาองค์เดียว<br><br>อยู่ที่ว่า ใครจะศึกษา ค้นหา ไปสู่ แก่นแท้ ที่ท่านต้องการสอนเรา ได้มากกว่ากัน<br><br>ในความเห็นส่วนตัวของผม ยํ้าว่าส่วนตัวเท่านั้น<br>บางท่านอาจจะแช่งให้ผมตกนรก ถ้าผมจะบอกว่า<br>ผมไม่นับถือ เกจิ อาจารย์ รูปใด ที่กระทำการเช่นนั้น<br>ผมคงไหว้ได้ไม่สนิทใจ แต่ไหว้ได้ แค่บางสิ่งในทางธรรมที่ท่านนั้นมากกว่าผม แต่ไม่ทั้งหมดทุกเรื่อง <br><br>ผมเคยเห็นฆราวาส บางท่าน อายุ ไม่มาก มีความรู้ทางธรรม มากว่า พระบางท่านที่ว่าดังๆเสียอีก<br>ต้องดูเป็นรายๆ ไป ว่าดังด้านใด<br><br>ขออภัยถ้าอ่านแล้วไม่สบายใจ ไม่ได้มีเจตนา ทำให้ขุ่นเคือง ไม่ได้ตำหนิอะไร ( ถ้าอ่านแบบมีปัญญา ก็จะเห็นเนื้อหา )<br>ถ้ายังไม่ได้ทำ ก็ไม่น่าโกรธอะไร <br>ก็หมายความว่า นี่เป็นข้อเสนอหนึ่งเท่านั้น<br><br>ยํ้าว่า ไม่เห็นด้วยไม่ว่ากันจ๊ะ<br><br><br> |
16/01/2551 14:05 น. |
ท่าทางจะเป็นเอามากนะคะ... |