06/10/2552 09:36 น. ,
อ่าน 6,664 ครั้ง
จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องแยกสาขาย่อยเป็นวิศวกรรมยานยนต์?
โดย : Admin
สาขาวิศวกรรมยานยนต์ (Automotive Engineering) เป็นสาขาวิชาที่เน้นให้นิสิตมีความเชี่ยวชาญด้านยานยนต์เป็นพิเศษ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อผลิตบุคลากรออกไปทำงานในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ และชิ้นส่วน ในประเทศ
หากพิจารณาดู อาจแบ่งรถยนต์ออกเป็นส่วนหลักได้ดังนี้
1. |
Power train: อันได้แก่ เครื่องยนต์ซึ่งเป็นตัวต้นกำลังสำหรับผลิตงานกลจากการแปลงพลังงานรูปอื่น เช่น พลังงานเคมีในเชื้อเพลิง ระบบถ่ายทอดกำลังซึ่งอาจประกอบด้วย คลัตซ์ กระปุกเกียร์ และระบบเพลาที่ต่อไปสู่ล้อขับ |
2. |
โครงและตัวถัง: ซึ่งใช้รับแรงที่เกิดขึ้น โดยไม่มีการเสียรูปเกินขอบเขตที่กำหนด |
3. |
ระบบรองรับ (Suspension system): สำหรับรองรับตัวรถบนล้อ ประกอบด้วย สปริงและตัวหน่วงเพื่อดูดซับความสั่นสะเทือนจากล้อในผ่านไปสู่ตัวถังน้อยที่สุด รวมทั้งควบคุมการโคลง หรือเอียงขณะเลี้ยวเพื่อให้รถมีเสถียรภาพในการขับขี่ดี แขนเต้นหรือปีกนกของระบบรองรับต้องไม่ทำให้ล้อเบี่ยงเบนไปจากสภาวะตั้งฉากกับถนนขณะรถโคลง หรือเอียง |
4. |
ระบบบังคับทิศทาง: สำหรับให้รถมีเสถียรภาพในการวิ่งบนทางตรง และปรับเรขาคณิตของล้อขณะเลี้ยวให้ล้อใน และล้อนอกกลิ้งโดยมีการเลื่อนไถลน้อยที่สุด |
5. |
ระบบห้ามล้อ: สำหรับเปลี่ยนพลังงานจลน์เป็นความร้อน เมื่อต้องการลดความเร็ว โดยจะต้องไม่ทำให้รถสูญเสียการทรงตัว และการบังคับทิศทาง |
6. |
ระบบเสริมอื่นๆ: เช่น ระบบปรับสภาวะอากาศ ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ระบบถุงลมนิรภัย ฯลฯ |
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า สำหรับงานวิเคราะห์ และสังเคราะห์เพื่อการออกแบบจะต้องอาศัยศาสตร์วิศวกรรมพื้นฐานหลักคือ กลศาสตร์ประยุกต์ทั้งของแข็งและของไหล (อย่าลืมว่ารถยนต์เคลื่อนที่ไปในอากาศ และเครื่องยนต์ใช้ของไหลเป็นสารทำงาน) เทอร์โมไดนามิกส์ และเคมีในการแปลงพลังงานอื่นๆ เป็นพลังงานกล รวมทั้งการควบคุมมลภาวะจากอุปกรณ์ต้นกำลังที่ใช้กระบวนการสันดาปเป็นกระบวนการแปลงพลังงาน การถ่ายเทความร้อน การหล่ออื่น การควบคุมอัตโนมัติ ซึ่งในปัจจุบันแนวโน้มมุ่งไปสู่การควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแม่นยำกว่าการควบคุมเชิงกลล้วนๆ มอเตอร์ไฟฟ้า และวงจรไฟฟ้ากำลัง
วิศวกรรมยานยนต์ VS วิศวกรรมเครื่องกล
จากรายละเอียดของวิศวกรรมยานยนต์ จะเห็นได้ว่ารถยนต์นั้นประกอบด้วยอุปกรณ์กลจำนวนมาก ร่วมกับอุปกรณ์ไฟฟ้าจำนวนหนึ่ง โดยอุปกรณ์ทั้งหมดมีแนวโน้มจะใช้ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์แบบไมโครโปรเซสเซอร์ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก มองดูในแง่วิชาการ การสอนระดับปริญญาตรี จึงจำเป็นที่ต้องเริ่มที่วิชาพื้นฐาน คือ กลศาสตร์ของแข็ง ของไหล วัสดุ และจักรกล เทอร์โมไดนามิกส์ การถ่ายเทความร้อน ไฟฟ้ากำลัง วงจรอิเล็กทรอนิกส์ การควบคุมอัตโนมัติ และการออกแบบ ซึ่งก็เป็นวิชาพื้นฐานของวิศวกรรมเครื่องกลเช่นกัน ซึ่งเมื่อไปดูหลักสูตรมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ จะพบว่าในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นจะมีการสอนวิชาวิศวกรรมยานยนต์ในสาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล ดังนั้นความแตกต่างของสาขาวิชานี้จึงอยู่ที่วิชาเลือก และบังคับเลือก ซึ่งจะเน้นการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์โดยเฉพาะ
|
ขอบคูณทุกแหล่งที่มาของข้อมูล
|
|
========================================================