Top 50 Popular Supplier
1 100,000D_อินเวอร์เตอร์ 176,827
2 100,000D_มิเตอร์วัดไฟฟ้า 174,197
3 100,000D_อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเลคทรอนิกส์ 173,480
4 100,000D_เครื่องมือช่าง 173,475
5 100,000D_เอซีมอเตอร์ 170,936
6 100,000D_ดีซีมอเตอร์ 170,049
7 100,000D_อุปกรณ์แคมป์ปิ้ง 169,030
8 100,000D_เครื่องดื่มและสมุนไพร 168,333
9 เคอีบี (KEB ) ประเทศไทย 161,180
10 100,000D_เครื่องใช้ไฟฟ้าครัวเรือน 158,844
11 100,000D_ของใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิง 158,795
12 100,000D_ขายของเล่นเด็ก 158,001
13 E&L INTERNATIONAL CO., LTD. 68,349
14 T.N. METAL WORKS Co., Ltd. 62,876
15 ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด 51,185
16 บ.ไทนามิคส์ จำกัด 44,074
17 Industrial Provision co., ltd 39,902
18 ลาดกระบัง ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด 38,823
19 Infinity Engineering System Co.,Ltd 36,740
20 สยาม เอลมาเทค (siam elmatech) 35,064
21 ไทยเทคนิค อีเล็คตริค จำกัด 33,996
22 ฟอร์จูน เมคคานิค แอนด์ ซัพพลาย 32,345
23 เอเชียเทค พาวเวอร์คอนโทรล จำกัด 31,767
24 บริษัท เวิลด์ ไฮดรอลิคส์ จำกัด 31,495
25 โปรไดร์ฟ ซิสเต็ม จำกัด 27,998
26 ซี.เค.แอล.โพลีเทค เอ็นจิเนียริ่ง 26,990
27 P.D.S. Automation co.,ltd 23,369
28 AVERA CO., LTD. 23,124
29 เลิศบุศย์ 22,088
30 ห้างหุ้นส่วนสามัญ เอ-รีไซเคิล กรุ๊ป 20,839
31 เทคนิคอล พรีซิชั่น แมชชีนนิ่ง 20,735
32 Electronics Source Co.,Ltd. 20,353
33 แมชชีนเทค 20,338
34 อีดีเอ อินเตอร์เนชั่นเนล จำกัด 19,596
35 มากิโน (ประเทศไทย) 19,568
36 ทรอนิคส์เซิร์ฟ จำกัด 19,317
37 Pro-face South-East Asia Pacific Co., Ltd. 18,984
38 SAMWHA THAILAND 18,766
39 วอยก้า จำกัด 18,438
40 CHEMTEC AUTOMATION CO.,LTD. 18,009
41 IWASHITA INSTRUMENTS (THAILAND) LTD. 17,847
42 เอส.เอส.บี สยาม จำกัด 17,794
43 ดีไซน์ โธร แมนูแฟคเจอริ่ง 17,748
44 I-Mechanics Co.,Ltd. 17,694
45 ศรีทองเนมเพลท จำกัด 17,624
46 Intelligent Mechantronics System (Thailand) 17,622
47 Systems integrator 17,183
48 เอ็นเทค แอสโซซิเอท จำกัด 17,132
49 Advanced Technology Equipment 16,960
50 ดาต้า เอ็นทรี่ กรุ๊ป จำกัด 16,923
08/06/2563 07:57 น. , อ่าน 9,864 ครั้ง
Bookmark and Share
ตัวต้านทาน (Resistor)
โดย : Admin

ตัวต้านทาน (Resistor)

 

 

 

 


คลิปอธิบายการอ่านค่าความต้านทานจากแถบสี

 

ตัวต้านทาน (Resistor) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการต้านทานการไหลของกระแสไฟฟ้า นิยมนำมาประกอบในวงจรทางด้านไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป ตัวอย่างเช่นวงจรเครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ เครื่องขยายเสียง ฯลฯ เป็นต้น

ตัวต้านทานที่ต่ออยู่ในวงจรไฟฟ้า ทำหน้าที่ลดแรงดันและจำกัดการไหลของกระแสไฟฟ้าในวงจร ตัวต้านทานมีรูปแบบและขนาดแตกต่างกันตามลักษณะของการใช้งาน นอกจากนี้ยังแบ่งออกเป็นชนิดค่าคงที่และชนิดปรับค่าได้


ตัวต้านทาน (Resistor) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการต้านทานการไหลของกระแสไฟฟ้า เพื่อทำให้กระแสและแรงดันภายในวงจรได้ขนาดตามที่ต้องการ สัญลักษณ์ของตัวต้านทานที่ใช้ในการเขียนวงจรมีอยู่หลายแบบดังแสดงในรูป

  
สัญลักษณ์ของตัวต้านทาน
 



ชนิดของตัวต้านทาน

ตัวต้านทานที่ผลิตออกมาในปัจจุบันมีมากมายหลายชนิด ในกรณีที่แบ่งโดยยึดเอาค่าความต้านทานเป็นหลักจะแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดคือ

    1. ตัวต้านทานแบบค่าคงที่ (Fixed Resistor)
    2. ตัวต้านทานแบบปรับค่าได้ (Adjustable Resistor)
    3. ตัวต้านทานแบบเปลี่ยนค่าได้ (Variable Resistor)

 


ตัวต้านทานแบบค่าคงที่

ตัวต้านทานชนิดค่าคงที่มีหลายประเภท ที่นิยมในการนำมาประกอบใช้ในวงจรทางด้านอิเล็กทรอนิกส์โดยทั่วไปมีดังนี้
1. ตัวต้านทานชนิดคาร์บอนผสม (Carbon Composition)
2. ตัวต้านทานแบบฟิล์มโลหะ ( Metal Film)
3. ตัวต้านทานแบบฟิล์มคาร์บอน ( Carbon Film)
4. ตัวต้านทานแบบไวร์วาวด์ (Wire Wound)
5. ตัวต้านทานแบบแผ่นฟิล์มหนา ( Thick Film Network)
6. ตัวต้านทานแบบแผ่นฟิล์มบาง ( Thin Film Network)


ตัวต้านทานชนิดคาร์บอนผสม (Carbon Composition)
เป็นตัวต้านทานที่นิยมใช้กันแพร่หลายมาก มีราคาถูก โครงสร้างทำมาจากวัสดุที่มีคุณสมบัติเป็นตัวต้านทานผสมกันระหว่างผงคาร์บอนและผงของฉนวน อัตราส่วนผสมของวัสดุทั้งสองชนิดนี้จะทำให้ค่าความต้ายทานมีค่ามากน้อยเปลี่ยนแปลงได้ตามต้องการ บริเวณปลายทั้งสองด้านของตัวต้านทานต่อด้วยลวดตัวนำ บริเวณด้านนอกของตัวต้านทานจะฉาบด้วยฉนวน


รูปแสดงตัวต้านทานชนิดคาร์บอนผสม
 


ตัวต้านทานแบบฟิล์มโลหะ ( Metal Film)

ตัวต้านทานแบบฟิล์มโลหะทำมาจากแผ่นฟิล์มบางของแก้วและโลหะหลอมเข้าด้วยกันแล้วนำไปเคลือบที่เซรามิค ทำเป็นรูปทรงกระบอก แล้วตัดแผ่นฟิล์มที่เคลือบออกให้ได้ค่าความต้านทานตามที่ต้องการ ขั้นตอนสุดท้ายจะทำการเคลือบด้วยสารอีป๊อกซี (Epoxy) ตัวต้านทานชนิดนี้มีค่าความผิดพลาดบวกลบ 0.1% ถึงประมาณบวกลบ 2% ซึ่งถือว่ามีค่าความผิดพลาดน้อยมาก นอกจากนี้ยังทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิจากภายนอกได้ดี สัญญาณรบกวนน้อยเมื่อเทียบกับตัวต้านทานชนิดอื่น ๆ



รูปแสดงตัวต้านทานแบบฟิล์มโลหะ (ภาพจากกลูเกิล

 

 ตัวต้านทานแบบฟิล์มคาร์บอน ( Carbon Film)

ตัวต้านทานแบบฟิล์มคาร์บอน เป็นตัวต้านทานแบบค่าคงที่โดยการฉาบผงคาร์บอนลงบนแท่งเซรามิคซึ่งเป็นฉนวน หลังจากที่ทำการเคลือบแล้วจะตัดฟิล์มเป็นวงแหวนเหมือนเกลียวน๊อต ในกรณีที่เคลือบฟิลม์คาร์บอนในปริมาณน้อยจะทำให้ได้ค่าความต้านทานสูง แต่ถ้าเพิ่มฟิล์มคาร์บอนในปริมาณมากขึ้นจะทำให้ได้ค่าความต้านทานต่ำ ตัวต้านทานแบบฟิลืมโลหะมีค่าความผิดพลาด บวกลบ 5% ถึง บวกลบ 20% ทนกำลังวัตต์ตั้งแต่ 1/8 วัตต์ ถึง 2 วัตต์ มีค่าความต้านทานตั้งแต่ 1  ถึง 100M
 


รูปแสดงตัวต้านทานแบบฟิล์มคาร์บอน




ตัวต้านทานแบบไวร์วาวด์ (Wire Wound)
โครงสร้างของตัวต้านทานแบบนี้เกิดจากการใช้ลวดพันลงบนเส้นลวดแกนเซรามิค หลังจากนั้นต่อลวดตัวนำด้านหัวและท้ายของเส้นลวดที่พัน ส่วนค่าความต้านทานขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ทำเป็นลวดตัวนำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของแกนเซรามิคและความยาวของลวดตัวนำ ขั้นตอนสุดท้ายจะเคลือบด้วยสารประเภทเซรามิคบริเวณรอบนอกอีกครั้งหนึ่ง ค่าความต้านทานของตัวต้านทานแบบนี้จะมีค่าต่ำเพราะต้องการให้มีกระแสไหลได้สูง ทนความร้อนได้ดี สามารถระบายความร้อนโดยใช้อากาศถ่ายเท



รูปแสดงตัวต้านทานแบบไวร์วาวด์ชนิดต่าง ๆ

 

 

ตัวต้านทานแบบแผ่นฟิล์มหนา ( Thick Film Network)
โครงสร้างของตัวต้านทานแบบนี้ทำมาจากแผ่นฟิล์มหนา มีรูปแบบแตกต่างกันขึ้นอยู่กับการใช้งาน ในรูปที่ 6 แสดงตัวต้านทานแบบแผ่นฟิล์มหนาประเภทไร้ขา (Chip Resistor) ตัวต้านทานแบบนี้ต้องใช้เทคโนโลยี SMT (Surface Mount Technology) ในการผลิต มีอัตราทนกำลังประมาณ 0.063 วัตต์ ถึง 500 วัตต์ ค่าความคลาดเคลื่อนบวกลบ 1% ถึง บวกลบ 5%


 

 
ตัวต้านทานแบบแผ่นฟิล์มบาง (Thin Film Network)

โครงสร้างของตัวต้านทานแบบนี้ทำมาจากแผ่นฟิล์มบาง มีลักษณะรูปร่างเหมือนกับตัวไอซี (Integrate Circuit) ใช้เทคโนโลยี SMT (Surface Mount Technology) ในการผลิตเช่นเดียวกับตัวต้านทานแบบแผ่นฟิล์มหนา โดยส่วนใหญ่จะมีขาทั้งหมด 16 ขา การใช้งานต้องบัดกรีเข้ากับแผ่นลายวงจร อัตราทนกำลัง 50 มิลลิวัตต์ มีค่าความคลาดเคลื่อนบวกลบ 0.1% และอัตราทนกำลัง 100 มิลลิวัตต์ จะมีค่าความคลาดเคลื่อนบวกลบ 5% ที่แรงดันไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 50 VDC

รูปแสดงรูปร่างและสัญลักษณ์ของตัวต้านทานแบบแผ่นฟิล์มบาง

 

ตัวต้านทานแบบปรับค่าได้

 โครงสร้างของตัวต้านทานแบบนี้ทำมาจากแผ่นฟิล์มบาง มีลักษณะรูปร่างเหมือนกับตัวไอซี (Integrate Circuit) ใช้เทคโนโลยี SMT (Surface Mount Technology) ในการผลิตเช่นเดียวกับตัวต้านทานแบบแผ่นฟิล์มหนา โดยส่วนใหญ่จะมีขาทั้งหมด 16 ขา การใช้งานต้องบัดกรีเข้ากับแผ่นลายวงจร อัตราทนกำลัง 50 มิลลิวัตต์ มีค่าความคลาดเคลื่อนบวกลบ 0.1% และอัตราทนกำลัง 100 มิลลิวัตต์ จะมีค่าความคลาดเคลื่อนบวกลบ 5% ที่แรงดันไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 50 VDC


 

ตัวต้านทานแบบเปลี่ยนค่าได้

 ตัวต้านทานแบบเปลี่ยนค่าได้ (Variable Resistor) โครงสร้างภายในทำมาจากคาร์บอนเซรามิค หรือพลาสติกตัวนำ ใช้ในงานที่ต้องการเปลี่ยนค่าความต้านทานบ่อย ๆ เช่น ในเครื่องรับวิทยุ, โทรทัศน์ เพื่อปรับลดหรือเพิ่มเสียง, ปรับลดหรือเพิ่มแสงในวงจรหรี่ไฟ มีอยู่หลายแบบขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้งาน เช่น โพเทนชิโอมิเตอร์ (Potentiometer) หรือพอต (Pot) สำหรับชนิดที่มีแกนเลื่อนค่าความต้านทานหรือแบบที่มีแกนหมุนเปลี่ยนค่าความต้านทานคือโวลลุ่ม (Volume) เพิ่มหรือลดเสียงมีหลายแบบให้เลือกคือ 1 ชั้น, 2 ชั้น และ 3 ชั้น เป็นต้น ส่วนอีกแบบหนึ่งเป็นแบบที่ไม่มีแกนปรับโดยทั่วไปจะเรียกว่า โวลลุ่มเกือกม้า หรือทิมพอต (Trimpot)

ตัวต้านทานแบบเปลี่ยนค่าได้นี้ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ด้วยกัน คือ โพเทนชิโอมิเตอร์ (Potentiometer) และเซนเซอร์รีซิสเตอร์ (Sensor Resistor)
 

โพเทนชิโอมิเตอร์ (Potentiometer)
 
โพเทนชิโอมิเตอร์หรือพอต (Pot) คือตัวต้านทานที่เปลี่ยนค่าได้ในวงจรต่าง ๆ โครงสร้างส่วนใหญ่จะใช้วัสดุประเภทคาร์บอนผสมกับเซรามิคและเรซินวางบนฉนวน ส่วนแกนหมุนขากลางใช้โลหะที่มีการยืดหยุ่นตัวได้ดี โดยทั่วไปจะเรียกว่าโวลลุ่มหรือ VR (Variable Resistor) มีหลายแบบที่นิยมใชในปัจจุบันคือแบบ A, B และ C
 


   
รูปแสดงลักษณะรูปร่างและสัญลักษณ์ของโพเทนชิโอมิเตอร์
 จากรูป จะเห็นว่าโพเทนชิโอมิเตอร์มี 3 ขา ขาที่ 1 และ 3  จะมีค่าคงที่ส่วนขาที่ 2 เปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามที่ต้องการ



รูปขวามือ แสดงลักษณะรูปร่างของรีโอสตาทแบบต่าง ๆ ที่มีอัตราทนกำลังวัตต์สูง
รูปซ้ายมือ คือลักษณ์รีโอสตาทนั้นจะมี 2 ขา ตามรูป ( ข) แต่ในกรณีที่ต้องการต่อโพเทนชิโอมิเตอร์
ให้เป็นรีโอสตาทก็ทำได้โดยการต่อขาที่ 3 เข้ากับขาที่ 2 ก็จะกลายเป็นรีโอสตาทตามรูป(ค)



อีกชนิดหนึ่งคือจำพวกฟิล์มคาร์บอนใช้วิธีการฉาบหรือพ่นฟิล์มคาร์บอนลงในสารที่มีโครงสร้างแบบเฟโนลิค (Phenolic) ส่วนแกนหมุนจะใช้โลหะประเภทที่ใช้ทำสปริงเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น VR 100 KA หมายความว่า การเปลี่ยนแปลงค่าความต้านทานต่อการหมุนในลักษณะของลอกการิทึม (Logarithmic) หรือแบบล็อกคือหมุนค่าความต้านทานจะค่อย ๆ เปลี่ยนค่า พอถึงระดับกลางค่าความต้านทานจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนิยมใช้เป็นโวลลุ่มเร่งความดังของเสียง ส่วนแบบ B นั้นค่าความต้านทานจะเปลี่ยนไปในลักษณะแบบลิเนีย (Linear) หรือเชิงเส้นคือค่าความต้านทานเพิ่มขึ้นตามการหมุนที่เพิ่มขึ้น ส่วนมากนิยมใช้ในวงจรชุดควบคุมความทุ้มแหลมและวงจรแบ่งแรงดัน



 

ตัวต้านทานแบบโพเทนชิโอมิเตอร์อีกประเภทหนึ่งคือ ตัวต้านทานแบบปรับละเอียด (Trimmer Potentiometers) ตัวต้านทานแบบนี้ส่วนมากมักใช้ประกอบในวงจรประเภทเครื่องมือวัดและทดสอบ เพราะสามารถปรับหมุนเพื่อต้องการเปลี่ยนค่าความต้านทานได้ทีละน้อยและสามารถหมุนได้ 15 รอบหรือมากกว่า ซึ่งเมื่อเทียบกับโพเทนชิโอมิเตอร์แบบที่ใช้ในเครื่องรับวิทยุและเครื่องเสียง ซึ่งจะหมุนได้ไม่ถึง 1 รอบก็จะทำให้ค่าความต้านทานเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว


รูปแสดงลักษณะของตัวต้านทานแบบโพเทนชิโอมิเตอร์แบบปรับละเอียด


 

ตัวต้านทานชนิดพิเศษ
 
ตัวต้านทานชนิดพิเศษ เป็นตัวต้านทานที่มีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างจากตัวต้านทานทั่ว ๆ ไป เช่น ใช้ในการควบคุมอุณหภูมิ ใช้เป็นสวิตช์เปิดปิดไฟด้วยแสง ฯลฯ เป็นต้น
 

แอลดีอาร์ (LDR : Light Dependent Resistor)
 
LDR คือตัวต้านทานชนิดที่มีความไวต่อแสงมาก บางครั้งเรียกว่าตัวต้านทานแบบโฟโต้คอนดัคตีฟเซล (Photoconductive Cell) หรือโฟโต้เซล โครงสร้างภายในโดยทั่วไปจะทำด้วยสารแคดเมีมซัลไฟต์ (Cadmium Sulfide) หรือแคดเมียมเซลีไนต์ (Cadmium Selenide) มึความเข้มของแสงระหว่าง 4,000 A (Blue Light) ถึง 10,000 A (Infrared) 1 A เท่ากับ M Light
 

รูปแสดงลักษณะโครงสร้างและสัญลักษณ์   วงจรภายในที่สร้างขึ้นจากทรานซิสเตอร์ และการหาค่าความต้านทานและความสัมพันธ์กับแสงของ LDR


 

เมื่อมีแสงมาตกกระทบที่ LDR จะทำให้ค่าความต้านทานภายในตัว LDR ลดลง จะลดลงมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแสงที่ตกกระทบ แต่ในกรณีที่ไม่มีแสงหรืออยู่ในตำแหน่งที่มืดค่าความต้านทานภายในตัว LDR จะมีค่าเพิ่มมาก

การทดสอบ LDR อย่างง่าย ๆ คือต่อสายมิเตอร์เข้ากับ LDR ตั้งย่านวัดโอห์ม หาอุปกรณ์ให้แสงสว่างเช่นไฟฉายหรือหลอดไฟ โดยให้แสงตกกระทบที่ตัว LDR ตรงด้านหน้า แล้วสังเกตุค่าความต้านทานจากมิเตอร์จะมีค่าลดลง ถ้ามีอุปกรณ์ไปบังแสงทำให้มืดค่าความต้านทานจะเพิ่มขึ้น


หน่วยของความต้านทาน

 
หน่วยของความต้านทานวัดเป็นหน่วย " โอห์ม" เขียนแทนด้วยอักษรกรีกคือตัว " โอเมก้า " () ค่าความต้านทาน 1 โอห์มหมายถึงการป้อนแรงดันไฟฟ้าขนาด 1 โวลท์ ไหลผ่านตัวต้านทานแล้วมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน 1 แอมแปร์
 

 

 

การอ่านค่าความต้านทาน
 
ค่าความต้านทานโดยส่วนใหญ่จะใช้รหัสแถบสีหรืออาจจะพิมพ์ค่าติดไว้บนตัวต้านทาน ถ้าเป็นการพิมพ์ค่าติดไว้บนตัวต้านทานมักจะเป็นตัวต้านทานที่มีอัตราทนกำลังวัตต์สูง ส่วนตัวต้านทานที่มีอัตราทนกำลังวัตต์ต่ำมักจะใช้รหัสแถบสี ที่นิยมใช้มี 4 แถบสีและ 5 แถบสี


รูปแสดง  รหัสสีค่าความต้านทานแบบ 4 แถบสี (ด้านบน) และ 5แถบสี(ด้านล่าง)

 
ตารางแสดงรหัสแถบสีจากตัวต้านทานแบบ 4 แถบสี 

รหัสสี
(Color Code)

แถบสีที่ 1
ตำแหน่ง 1

แถบสีที่ 2
ตำแหน่ง 2

แถบสีที่ 3
ตัวคูณ

แถบสีที่ 4
เปอร์เซ็นต์ผิดพลาด

ดำ

0

0

1

20%(M)

น้ำตาล

1

1

10

1%(F)

แดง

2

2

100

2%(G)

ส้ม

3

3

1,000

-

เหลือง

4

4

10,000

-

เขียว

5

5

100,000

0.5%(D)

น้ำเงิน

6

6

1,000,000

0.25%(C)

ม่วง

7

7

-

0.1%(B)

เทา

8

8

-

0.05%(A)

ขาว

9

9

-

-

ทอง

-

-

0.1

5%(J)

เงิน

-

-

0.01

10%(K)

การอ่านค่ารหัสแถบสี สำหรับผู้เริ่มต้นศึกษาอาจจะมีปัญหาเรื่องของแถบสีที่ 1 และแถบสีที่ 4 ว่าแถบสีใดคือแถบสีเริ่มต้น ให้ใช้หลักในการพิจารณาแถบสีที่ 1,2 และ 3 จะมีระยะห่างของช่องไฟเท่ากัน ส่วนแถบสีที่ 4 จะมีระยะห่างของช่องไฟมากกว่าเล็กน้อย
 

 

 ตัวอย่าง   ตัวต้านทานมีรหัสแถบสี ส้ม แดง น้ำตาล และทอง มีความต้านทานกี่โอห์ม ?


อ่านค่ารหัสแถบสีได้ 320 /  ตัวต้านทานนี้มีความต้านทาน 320ค่าผิดพลาด 5 เปอร์เซ็นต์



 

 ตาราง แสดงรหัสแถบสีจากตัวต้านทานแบบ 5 แถบสี 

รหัสสี
(Color Code)

แถบสีที่ 1
ตำแหน่ง 1

แถบสีที่ 2
ตำแหน่ง 2

แถบสีที่ 3
ตำแหน่ง 3

แถบสีที่ 4
ตัวคูณ ตัวเติม 0

แถบสีที่ 5
เปอร์เซ็นต์ ผิดพลาด

ดำ

0

0

0

1

20%(M)

น้ำตาล

1

1

1

10

1%(F)

แดง

2

2

2

100

2%(G)

ส้ม

3

3

3

1,000

-

เหลือง

4

4

4

10,000

-

เขียว

5

5

5

100,000

0.5%(D)

น้ำเงิน

6

6

6

1,000,000

0.25%(C)

ม่วง

7

7

7

-

0.1%(B)

เทา

8

8

8

-

0.05%(A)

ขาว

9

9

9

-

-

ทอง

-

-

-

0.1

5%(J)

เงิน

-

-

-

0.01

10%(K)

 

 ตัวอย่าง   ตัวต้านทานมีรหัสแถบสี เหลือง เทา แดง ส้ม และน้ำตาล มีความต้านทานกี่โอห์ม ?



อ่านค่ารหัสแถบสีได้ 482,000ตัวต้านทานนี้มีความต้านทาน482Kค่าผิดพลาด 1 เปอร์เซ็นต์

 

 

Cr: https://rmutphysics.com

========================================================

 

 

 

3 December 2024
:: MEMBER LOGIN
E-mail Account
Password
:: OUR SPONSORS
LZD
LZD
LZD
LZD
LZD
LZD
LZD
LZD
LZD
LZD