Top 50 Popular Supplier
1 100,000D_อินเวอร์เตอร์ 177,495
2 100,000D_มิเตอร์วัดไฟฟ้า 174,722
3 100,000D_อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเลคทรอนิกส์ 174,086
4 100,000D_เครื่องมือช่าง 174,016
5 100,000D_เอซีมอเตอร์ 171,460
6 100,000D_ดีซีมอเตอร์ 170,517
7 100,000D_อุปกรณ์แคมป์ปิ้ง 169,491
8 100,000D_เครื่องดื่มและสมุนไพร 168,857
9 เคอีบี (KEB ) ประเทศไทย 161,959
10 100,000D_เครื่องใช้ไฟฟ้าครัวเรือน 159,353
11 100,000D_ของใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิง 159,248
12 100,000D_ขายของเล่นเด็ก 158,453
13 E&L INTERNATIONAL CO., LTD. 68,929
14 T.N. METAL WORKS Co., Ltd. 63,685
15 ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด 51,715
16 บ.ไทนามิคส์ จำกัด 44,549
17 Industrial Provision co., ltd 40,617
18 ลาดกระบัง ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด 39,260
19 Infinity Engineering System Co.,Ltd 37,209
20 สยาม เอลมาเทค (siam elmatech) 35,531
21 ไทยเทคนิค อีเล็คตริค จำกัด 34,444
22 ฟอร์จูน เมคคานิค แอนด์ ซัพพลาย 32,773
23 เอเชียเทค พาวเวอร์คอนโทรล จำกัด 32,204
24 บริษัท เวิลด์ ไฮดรอลิคส์ จำกัด 32,014
25 โปรไดร์ฟ ซิสเต็ม จำกัด 28,451
26 ซี.เค.แอล.โพลีเทค เอ็นจิเนียริ่ง 27,461
27 P.D.S. Automation co.,ltd 23,834
28 AVERA CO., LTD. 23,558
29 เลิศบุศย์ 22,539
30 ห้างหุ้นส่วนสามัญ เอ-รีไซเคิล กรุ๊ป 21,314
31 เทคนิคอล พรีซิชั่น แมชชีนนิ่ง 21,178
32 Electronics Source Co.,Ltd. 20,874
33 แมชชีนเทค 20,813
34 มากิโน (ประเทศไทย) 20,032
35 อีดีเอ อินเตอร์เนชั่นเนล จำกัด 20,017
36 ทรอนิคส์เซิร์ฟ จำกัด 19,801
37 Pro-face South-East Asia Pacific Co., Ltd. 19,440
38 SAMWHA THAILAND 19,327
39 วอยก้า จำกัด 19,063
40 CHEMTEC AUTOMATION CO.,LTD. 18,517
41 IWASHITA INSTRUMENTS (THAILAND) LTD. 18,330
42 เอส.เอส.บี สยาม จำกัด 18,236
43 I-Mechanics Co.,Ltd. 18,219
44 ดีไซน์ โธร แมนูแฟคเจอริ่ง 18,199
45 ศรีทองเนมเพลท จำกัด 18,074
46 Intelligent Mechantronics System (Thailand) 18,055
47 Systems integrator 17,618
48 เอ็นเทค แอสโซซิเอท จำกัด 17,599
49 Advanced Technology Equipment 17,415
50 ดาต้า เอ็นทรี่ กรุ๊ป จำกัด 17,384
28/02/2563 21:02 น. , อ่าน 4,337 ครั้ง
Bookmark and Share
สายใยแก้วนำแสง(Fiber Optic)
โดย : Admin

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสายใยแก้วนำแสง(Fiber Optic)

สายใยแก้วนำแสงคืออะไร เอาไว้ใช้ทำอะไร
สายใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) คือสายที่มีแกนผลิตด้วยใยแก้วบริสุทธิ์ มีคุณสมบัติหลักในกานำส่งลำแสงจากต้นทางไปยังปลายทาง เพื่อประโยชน์บางอย่าง หลักๆสำหรับสายงานของเรา คือการนำส่งข้อมูลเครือข่ายงคอมพิวเตอร์ (Network) เนื่องจากการนำส่งข้อมูลด้วยแสงผ่านสายใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) สามารถนำส่งได้ในระยะทางที่ไม่จำกัด และสามาถส่งข้อมูลได้ในขนาดมากๆ(Bandwidth) และสาย Fiber Optic ยังไม่มีผลกระทบกับคลื่นสัญญาณรบกวนทางไฟฟ้าด้วยครับ ปัจจุบัน ความต้องการในการรับ-ส่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ต้องการ Media ที่สามารถรับส่งข้อมูลได้ปริมาณที่มากขึ้น Fiber Optic จึงเป็นทางออกที่ดี และ ประกอบกับราคาค่าอุปกรณ์ และ ค่าบริการงาน Fiber Optic มีราคาที่ถูกลงมาก จึงเป็นที่นิยม ในการใช้ Media ประเภทนี้ ในการรับ-ส่งข้อมูล ปัจจุบัน นิยมเดินเป็นสาย Main หลัก (Back Bone) อยู่ยังไม่เป็นที่นิยมใช้เดินเป็นจุดย่อยๆ ภายใน ซึ่งยังเหมาะกับสาที่เป็นทองแดงอยู่ แต่ใน อนาคตอันใกล้ เราอาจจะได้เห็นสาย Fiber Optic เดินเป็นจุดย่อยภายในอาคาร กันแล้วครับ เพราะอนาคต ผมว่า ทองแดงคงจะแพงมากและหายากมากขึ้นครับ

 

สายใยแก้วนำแสงที่ใช้ในบ้านเรามีทั้งหมด 2 โหมดหลักๆ อันได้แก่
1. การส่งสัญญาณโหมดผสม (Multi Mode)
2. การส่งสัญญาณโหมดเดี่ยว (Single Mode)

คุณสมบัติของสาย Fiber Optic ชนิด Single Mode

        ออพติคเคเบิล 1 เส้น ประกอบด้วย ใยแก้วนำแสงตั้งแต่ 2 core ขึ้นไป มี 2 ชนิด คือ แบบ multi-mode (MM)และแบบ single-mod(SM)ความแตกต่างของทั้งสองชนิดนี้ คือขนาดของตัวใยแก้วใจกลางหรือที่เรียกว่า core

 1. Single Mode (SM) ออพติคเคเบิลเป็นสีเหลืองมีเส้นผ่าศูนย์กลางของ Core และ Cladding 9/125 um ตามลำดับ เนื่องจากขนาด core เส้นผ่าศูนย์กลาง 9 ไมครอน ขนาดเปลือกหุ้มเส้นผ่าศูนย์กลาง 125 ไมครอน เมื่อ core มีขนาดเล็กมาก ทำให้แสงเดินทางเป็นระเบียบขึ้น ทำให้เกิดการสูญเสียน้อยลง ความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดประมาณ 2,500 ล้านบิทต่อวินาทีต่อหนึ่งความยาวคลื่นแสงที่ 1300 นาโนเมตร ด้วยระยะทางไม่เกิน 20 กม. ระยะทางในการใช้งานจริง ได้ถึง 100 กม. และความเร็วจะลดลง แต่ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบิทต่อวินาที ข้อดีของ SM อีกอันหนึ่งก็คือ มันทำงานที่ความยาวคลื่นที่ 1300 นาโนเมตร ซึ่งเป็นช่วงที่มีการลดทอนแสงน้อยที่สุดซึ่งส่วนของแกนแก้วจะมีขนาดเล็กมากและจะให้แสงออกมาเพียง Mode เดียว แสงที่ใช้จะต้องเป็น เส้นตรง ข้อดีทำให้ส่งสัญญาณได้ไกล ตามรูป

 2. Multi Mode (MM) ออพติคเคเบิลมีสีส้ม จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของ Core และ Cladding 62/125 um และ   50/125 um ตามลำดับ เนื่องจากขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของแกนมีขนาดใหญ่ขนาด core เส้นผ่าศูนย์กลาง 50 ไมครอน ขนาดเปลือกหุ้มเส้นผ่าศูนย์กลาง 125 ไมครอน เนื่องจากมีขนาด core ใหญ่ ทำให้แสงที่เดินทางกระจัดกระจาย ทำให้แสงเกิดการหักล้างกัน จึงมีการสูญเสียของแสงมาก จึงส่งข้อมูลได้ไม่ไกลเกิน 200 เมตร ความเร็วก็ไม่เกิน 100 ล้านบิทต่อวินาที ที่ความยาวคลื่น 850 นาโนเมตร เหมาะสำหรับใช้ภายในอาคารเท่านั้น แต่มีข้อดีก็คือ ราคาถูก เพราะ core มีขนาดใหญ่ สามารถผลิตได้ง่ายกว่า


ทำให้แนวแสงเกิดขึ้นหลายโหมด โดยแต่ละ Mode จะมีระยะเวลาในการเดินทางที่แตกต่างกัน อันเป็นสาเหตุที่ทำให้       
เกิดการกระจายของแสง (Mode Dispersion)
 

สาย Fiber Optic แบ่งตามลักษณะการใช้งาน

  1. Tight Buffer เป็นสายไฟเบอร์แบบเดินภายในอาคาร (Indoor)
โดยมีการหุ้มฉนวนอีกชั้นหนึ่งให้มี ความหนา 900 um เพื่อสะดวกในการใช้งานและป้องกันสายไฟเบอร์ในการติดตั้ง ปริมาณของ
เส้นใยแก้วบรรจุอยู่ไม่มากนัก เช่น 4,6,8 Core ส่วนสายที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์จะมีขนาด 1   Core ซึ่งเรียกว่า Simplex ขนาด 2 Core เรียกว่า Zip Core

  2. Loose Tube เป็นสายไฟเบอร์ที่ออกแบบมาใช้เดินภายนอกอาคาร (Outdoor) โดยการนำสายไฟ เบอร์มาไว้ในแท่งพลาสติก และใส่เยลกันน้ำเข้าไป เพื่อป้องกันไม่ให้สัมผัสกับแรงต่างๆ อีกทั้งยังกันน้ำซึมเข้าภายในสาย สายแบบ Outdoor ยังแบ่งตามลักษณะการใช้งานได้อีกดังนี้
        2.1 Duct Cable เป็นสาย Fiber Optic แบบร้อยท่อ โครงสร้างของสายไม่มีส่วนใดเป็นตัวนำ ไฟฟ้า ซึ่งจะไม่มีปัญหาเรื่องฟ้าผ่า แต่จะมีความแข้งแรงทนทานน้อย ในการติดตั้งจึงควร  ร้อยไปในท่อ Conduit หรือ HDPE (High-Density-Polyethylene)
          2.2 Direct Burial เป็นสาย Fiber Optic ที่ออกแบบมาให้สามารถใช้ฝังดินได้โดยไม่ต้องร้อยท่อ โดยโครงสร้างของสายจะมีส่วนของ Steel Armored เกราะ ช่วยป้องกัน และเพิ่ม  ความแข็งแรงให้สาย
          2.3 Figure - 8 เป็นสายไฟเบอร์ที่ใช้แขวนโยงระหว่างเสา โดยมีส่วนที่เป็นลวดสลิงทำหน้าที่รับ แรงดึงและประคองสาย  จึงทำให้สายมีรูปร่างหน้าตัดแบบเลข 8 จึงเรียกว่า Figure - 8
          2.4 ADSS (All Dielectric Self Support)  เป็นสายไฟเบอร์ ที่สามารถโยงระหว่างเสาได้ โดยไม่ต้องมีลวดสลิงเพื่อประคองสาย เนื่องจากโครงสร้างของสายประเภทนี้ ได้ถูกออกแบบให้ เป็น Double Jacket จึงทำให้มีความแข็งแรงสูง
     3. สายแบบ Indoor/Outdoor
เป็นสายเคเบิลใยแก้วที่สามารถเดินได้ทั้งภายนอกและภายในอาคาร เป็นสายที่มีคุณสมบัติพิเศษที่เรียกว่า Low Smoke Zero Halogen (LSZH)
ซึ่งเมื่อเกิดอัคคีภัย จะเกิดควันน้อยและควันไม่เป็นพิษ เมื่อเทียบกับ Jacket ของสายชนิดอื่น ที่จะลามไฟง่ายและเกิดควันพิษ
      เนื่องจากการเดินสายในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเดินภายนอกอาคาร ด้วยสาย Outdoor แล้วเข้า อาคาร ซึ่งผิดมาตรฐานสากล
ดังนั้นจึงควรใช้สายประเภทนี้เมื่อมีการเดินจากภายนอกเข้าสู่ภายใน 

 

 

 อ่านต่อ => https://www.technetinfo.co.th/knowlage/78-about-fiber-optic.html

========================================================

 

 

 

1 June 2025
:: MEMBER LOGIN
E-mail Account
Password
:: OUR SPONSORS
LZD
LZD
LZD
LZD
LZD
LZD
LZD
LZD
LZD
LZD