IP Address ย่อมาจากคำเต็มว่า Internet Protocal Address คือ หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องในระบบเครือข่ายที่ใช้โปรโตคอลแบบ TCP/IP หรือถ้าเปรียบเทียบกับระบบไปรษณีย์ก็คือบ้านเลขที่ของเรานั่นเอง
ในระบบเครือข่ายก็เช่นกันก็จำเป็นจะต้องมีหมายเลข IP กำหนดไว้ให้กับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อใช้ในการบอกพิกัดหรือตำแหน่งในการโอนย้ายข้อมูลหรือสั่งงานใดๆ เพื่อจะได้ไม่เกิดการผิดพลาดเวลาส่งข้อมูล
IP Addressจะประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุด โดยแต่ละชุดจะมีจุดขั้น เช่น 192.168.100.31 หรือ 172.16.10.11 เป็นต้น ซึ่งหมายเลข IP Address ของเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะไม่ซ้ำกัน โดยตัวเลข 4 ชุดนี้จะบ่งบอกถึง Network ID กับ Host ID ซึ่งจะบอกให้รู้ว่า เครื่อง Computer ของเราอยู่ในกลุ่ม Network แบบไหนประเภทไหนและเป็นเครื่องไหนใน network นั้น หรือหากเปรียบเทียบกับระบบไปรษณีย์ก็คือ อยู่โซนไหนทวีปไหนประเทศ/จังหวัด/อำเภอ/ตำบลอะไร และบ้านเลขที่เท่าไหร่ นั่นเอง
รูปแบบโครงสร้างพื้นฐาน IP Address จะมีดังนี้
Network Class
เพื่อความชัดเจนและเพื่อความเป็นระเบียบของการสื่อสารข้อมูล ระบบนี้ก็ได้ทำการแยกกลุ่มเน็ตเวิร์คออกเป็นคลาสต่างๆ เช่น class A ,class B
,class C และอื่่นๆ
- class A ตัวเลขบิทแรกมีค่าเป็น 0 ดังนั้นแอดแดรสที่เป็นไปได้คือตั้งแต่ 0 - 127 (00000000 - 01111111)
- class B ตัวเลขบิทแรกมีค่าเป็น 1 ส่วนบิทที่ 2 จะมีค่าเป็น 0 ดังนั้นแอดแดรสที่เป็นไปได้คือตั้งแต่ 128 -191 (10000000 - 10111111)
- ส่วน class C แอดแดรสจะมีค่าตั้งแต่ 192 - 223 (11000000 - 11011111)
สำหรับตัวเลขตั้งแต่ 224 ขึ้นไป จะเป็น class พิเศษ อย่างเช่น Class D ซึ่งถูกใช้สำหรับการส่งข้อมูลแบบ Multicast ของบาง Application และ Class E ซึ่ง Class นี้เป็น Address ที่ถูกสงวนไว้ก่อน ยังไม่ถูกใช้งานจริง ๆ โดย Class D และ Class E นี้เป็น Class พิเศษ ซึ่งไม่ได้ถูกนำมาใช้งานในภาวะปกติ
การหา IP address
1) คลิกปุ่ม Start เลือก Run พิมพ์คำว่า cmd กดปุ่ม OK
2) จะปรากฎหน้าต่างสีดำ จากนั้นให้พิมพ์คำว่า ipconfig แล้วกด enter ซึ่งก็จะปรากฏกลุ่มหมายเลข IP Address ให้เห็นดังรูป
========================================================