โดย: Nong Fern Daddy
มาต่อกันให้จบดีก่า ... เหลือบริษัทฯกลุ่มสุดท้ายแล้ว Low Profile - High Profit
มา... เรามาว่าเรื่องของเราต่อ ...
เรามีเจ้าของบ้านแล้ว (Oil company) มีผู้รับเหมาหลักขนเครื่องไม้เครื่องมือมาตอกเสาก่อตอม่อ (Rig company) มีช่างผู้ชำนาญการเฉพาะทางมาสนองชีวิตมีสไตล์(เรื่องมาก)ก็แล้ว (Service company) เอ๊ะ ยังขาดอะไรไปน้า
ผมว่าเรามาเริ่มที่เรื่องเงินๆทองๆก่อนดีกว่า จะได้เห็นภาพ บ้านเราหลังล่ะเท่าไรครับ เอาซะว่าแบบธรรมดาๆก็แล้วกัน ซัก 1,500,000 เป็นไง ขาดปูนสักถุง สีสักกระป๋อง หรือ บานพับประตูห้องน้ำสัก 5 บาน เราจะต้องเปิดประมูลผู้รับเหมาใหม่ ทำเรื่องเสนอราคาอย่างน้อย 3 เจ้า อีกทีไหมครับ เราก็ควบจักรยานไปร้านอาแป๊ะขายวัสดุก่อสร้างปากซอยก็หมดเรื่อง ราคาต่อหน่วยแพงหน่อย ได้ของเลย ราคาไม่ถึงพันบาท เทียบกับบ้านหลังล่ะล้านห้า ค่าแรงผู้รับเหมาหลักวันล่ะเท่าไร ค่าดอกเบี้ยธนาคารเท่าไร บ้านทั้งหลังรอบานพับประตูอันล่ะ 200 บาท 15 อัน อย่างงั้นเหรอ
ลองมาดูตัวเลขจริงๆกันมั่งรับรองว่าตาสว่างโร่ แท่นเจาะกลางทะเลเราเช่ากันคิดซะว่าราคาราวๆ 200,000 เหรียญ ต่อวัน + ค่าโสหุ้ย ค่าน้ำมัน ค่าไฟ ค่าเฮลิคอปเตอร์ ค่าคนทำงาน ค่าอาหารเลี้ยงคน ค่าใช้จ่ายร่วมอื่นๆอีกวันล่ะ 100,000 เหรียญ เป็น 300,000 เหรียญต่อวัน ตกชม.ล่ะ 12,500 เหรียญ เป็นไงครับพระเดชพระคุณท่าน จะไม่ให้น้ำมันแพงยังไงไหว ใครว่าน้ำมันเป็นของฟรีขุดขึ้นมาได้จากใต้ดินแบบเปล่าๆสบายๆ นี่ยังไม่รวมค่าภาคหลวงเอย (ค่าสัมประทานนั่นแหละครับ) ค่าเก๋าเจี๋ยะเอย ค่าน้ำร้อนน้ำชาอีกล่ะ (อุ้ยๆ ... พอดีก่า หาเรื่องเข้าคุก อิอิ)
บ่อก๊าซหรือบ่อน้ำมัน บ่อๆนึงเราพูดถึงราคาต่อ 1 บ่อเป็นหลักล้านถึง10ล้านเหรียญ ถ้าต้องการของเล็กๆน้อยๆประกอบการทำงานสักชิ้น หรือ อยากต่อเติมซ่อมปรับแต่งวัสดุต่างๆสักหน่อย ด้วยราคาหลักหมื่นหลักแสนเหรียญเราก็ไม่อยากจะหยุดการขุดชม.ล่ะ 12,500 เหรียญเพื่อเปิดประมูลซื้อของสัก 50,000 เหรียญสัก 4-5 วัน หรอกครับ (แต่ก็มีบางบริษัทบางกรณีเพื่อธรรมาภิบาล เหรียญเดียวก็เปิดประมูลก็มีครับ)
พอนึกออกหรือยังครับว่าบริษัทที่ผมจัดไว้กลุ่มสุดท้ายมันทำมาหารับทานอะไรครับ ใช่ครับกลุ่มนี้เขาจะขายสินค้าและบริการกระจุกกระจิกที่จำเป็นหรือช่วยอำนวยความสะดวกต่อการทำงานเข้าข่ายจิปาถะ miscellaneous หรือ accessory พวกนี้แหละครับ นึกถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ราคาหลายหมื่นออกใช่ไหมครับ กำลังอยากจะเปิดเช็คเมล์นัดพบกะกิ๊กใหม่วัยใสปิ๊ง แล้วปรากฏว่าสายไฟขาด หรือสายจอเสีย เป็นไงครับ จังหวะนั้นมีอาแป๊ะมาขายถึงหน้าจอคอมฯเลยเส้นล่ะ 3 พันก็ควักกระเป๋าจ่าย ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าออกไปซื้อที่พันทิพเส้นล่ะ 15 บาท ถ้ายังไม่เห็นภาพ เอาอีกตัวอย่าง นัดกิ๊กสุดสวยเซ็กซี่มารอถึงห้อง (เซ็กซี่ขนาดน้องพีคดีไหม) อ้าว ตายล่ะ ลืมเอาถุงยางมา จังหวะนั้นใครเอามาขายอันล่ะ 500 ก็จ่าย ... ฮา ชัดเลย นั่นไง คุณพ่อบ้านชูจั๊กแร้เห็นด้วยกันใหญ่
แต่ก็ไม่ถือว่าฉวยโอกาสนะครับ เพราะเป็นการซื้อขายที่ถูกต้องทุกประการ เนื่องจากลักษณะการทำงานมันบังคับให้รอไม่ได้ และคนซื้อก็สามารถผลักภาระตรงนั้นไปเป็นต้นทุนราคาน้ำมันก็ได้อีก (อ้าว แล้วใครซวยล่ะ)
มีอีกหลายๆสินค้าและบริการนะครับที่ของราคาไม่มากเมื่อเทียบกับราคาหลุม แต่มีผลต่อต้นทุนหลุมโดยตรง โดยที่ราคาสินค้าเองไม่เท่าไร ยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆคือ หัวขุด ต้นทุนไม่เท่าไร แต่ถ้าทำให้ขุดได้เร็วขึ้นสัก 2 ชม. ก็ประหยัดค่าเวลาไป 25,000 เหรียญแล้ว ดังนั้นเวลาตั้งราคาขายเขาจะไม่ใช้วิธี cost plus (ต้นทุน+กำไรที่เถ้าแก่ต้องการ) แต่จะใช้วิธี Value added หรือ cost saving คือ สินค้ามันสร้างมูลค่าเพิ่ม หรือ มันประหยัดต้นทุนให้ลูกค้าได้เท่าไร ก็เอาตรงนั้นมาตั้งราคา ซึ่งมักจะบานเบอะเมื่อเทียบกับต้นทุน โกยกำไรใส่พุงสบายแฮ
========================================================