อ้างอิงจาก: www.Rigworker.com
โดย: เว็บมาสเตอร์
(webmaster(at)9engineer.com)
น้ำมัน(Oil)
ปิโตรเลียมหรือน้ำมันดิบจะมีลักษณะเป็นน้ำมัน เป็นของเหลวที่สามารถติดไฟได้ ซึ่งเกิดจากการสะสมกันตามธรรมชาติ และมักพบภายใต้พื้นผิวของโลก
นับเป็นระยะเวลาหลายร้อยล้านปี ที่ซากพืชซากสัตว์ตกลงไปทับถมกันใต้ท้องทะเล และทับถมสะสมขึ้นเรื่อยๆจนเกิดชั้นตะกอน เช่นดิน หิน ทราย และวัสดุอื่นๆ
การที่ซากพืชซากสัตว์ถูกฝังลึกอยู่ใต้ชั้นหินภายใต้สภาวะที่มีออกซิเจนปริมาณน้อย ทำให้เกิดการย่อยสลายโดยออกานิค(Organic) และกลายสภาพมาเป็นปิโตรเลียมไหลซึมไปอยู่ที่ช่องว่างระหว่างชั้นหิน
เมื่อเปลือกโลกมีการเคลื่อนตัว ทำให้หินเกิดการโค้งงอ หรือห่อตัวกันเป็นพับ หรือบ้างก็เกิดการแตกตามแนวที่เิกิดการเคลื่อนตัว ทำให้ ปิโตรเลี่่ยมไหลไปรวมตัวกันในบริเวณที่พื้นที่ที่มีลักษณะคล้ายกับเป็นอ่าง
ในช่วงแรกๆผู้คนไม่คุ้นเคยกับน้ำมันดิบ (Crude oil) ด้วยความไม่คุ้นเคยทำให้คนในตะวันออกกลางทำการเผาแก๊สปิโตรเลียมที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง และทำการบูชาไฟที่ลุกไหม้ที่เกิดจากแก๊สที่พวยพุ่งออกมา |
|
อุตสาหกรรมน้ำมัน (Oil Industry)
|
กล่าวกันว่าอุตสาหกรรมน้ำมันได้เริ่มต้นกันมาแล้วมากว่าห้าพันปีในตะวันออกกลาง (Middle East ) *** โดยได้นำเอาน้ำมันที่ไหลซึมผ่านพื้นดินขึ้นมาไปใช้ประโยชน์บางอย่างในชีวิตประจำวันเช่น ใช้ทำชันเพื่ออุดรอยรั่วเรื่อและถังเพื่อป้องกันน้ำเข้่่า ใช้ทำสี ใช้เป็นเชื้อเพลิงจุดไฟแสงสว่าง ตลอดจนถึงการใช้ในทางการแพทย์
กล่าวกันว่าช่วงเริ่มต้นมนุษย์ใช้น้ำมันปลาวาฬเพื่อเป็นเชื้อเพลิงสำหรับจุดไฟให้แสงสว่าง ซึ่งเป็นเหตุทำเกิดการล่าปลาวาฬอย่างมากมาย ทำให้จำนวนประชากรปลาวาฬลดลงและส่งผลทำให้ราคาน้ำมันปลาวาฬมีราคาสูงขึ้นในเวลาต่อมา
และเมื่อความต้องการปริมาณน้ำมันมากขึ้น หรือเรียกว่าดีมานด์มีมากกว่าซัพพลาย จึงทำให้บริษัทและเอกชนต่างๆได้หันมามองหาและค้นหาแหล่งพลังงานทางเลือกใหม่ที่เป็นที่นำมาใช้ได้ระยะเวลาที่ยาวนานกว่า และเรียกขานกันว่าเป็นทองสีดำ(Black gold) ในเวลาต่อมา หลังจากผ่านยุคช่วงเวลาของถ่านหินน้ำมัน (coal oil) สิ่งที่เป็นคำตอบตามก็คือการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการขุดเจาะน้ำมัน โดยได้ทำการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการขุดเจาะน้ำมันบนบกก่อนในช่วงต้นๆ แต่เนื่องจากความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงทำให้บริษัทต่างๆหันมาทำการสำรวจและมองหาแหล่งน้ำมันจากใต้ท้องทะเลเพื่อนำมาใช้งานเพิ่มเติม |
จากเหตุผลดังกล่าวได้ทำให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างแท่นเจาะน้ำมันแท่นแรกขึ้นกลางน้ำที่อ่าวแม็กซิโก(Gulf of Mexico) ที่ระดับความลึก100 เมตร และเป็นโครงสร้างที่มีลักษณะเป็นแบบ piled jacket ในส่วนของโครงสร้างได้มีการเพิ่มเติมพื้นที่สำหรับเป็นพื้นที่ทำงานบนแท่นเช่น ลานเก็บอุปกรณ์และที่พักสำหรับลูกเรือ ลักษณะของโครงสร้างนี้จะมี fore-runners ช่วยยึดให้เกิดการแข็งแรงและสามารถตั้งอยู่บริเวณน้ำลึกได้ในทุกๆที่ในโลก
จากสภาพพื้นที่โดยรอบชายฝั่งของเกาะกรีนแลนด์ ได้ให้แนวความคิดกับนักธรณีวิทยาว่าอาจจะมีน้ำมันและแก๊สอยู่บริเวณรอบๆน่านน้ำของชาวสก๊อตแลนด์
ในประวัติศาสตร์ในอดีตเคยมีบ่อน้ำมันดิบบนพื้นดินในยุโรปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1920 และก็ไม่ค่อยได้รับการกล่าวถึง จนกระทั้งในปี 1960 ได้มีการสำรวจในทะเลเหนือได้เริ่มต้นอย่างจริงจัง แต่ไม่ประสบความสำเร็จในช่วงปีต้นๆ จนในที่สุดก็ได้ค้นพบน้ำมันในปี 1969 และได้มีการค้นพบน้ำมันในพื้นใหม่ๆตั้งแต่นั้นมา การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของแหล่งน้ำมันในทะเลเหนือ (North Sea) ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีการลงทุนที่มีมูลค่ามหาศาลที่สุดในโลก
ต่อจากนั้นจึงได้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันนอกชายฝั่งในบริเวณน่านน้ำ และขยายพื้นที่ต่อไปเรื่อยๆ ทำให้ หลายๆแหล่งตั้งอยู่ห่างจากพื้นดินและห่างออกไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะแหล่งน้ำมันใหม่ๆ ที่ทำการสำรวจจะตั้งอยู่บริเวณที่มีน้ำลึกและไกลออกไปเรื่อยๆ
|
|
Piper Alpha oil platform in the North Sea
on the night of July 6, 1988
|
หลังจากที่ทะเลเหนือของอังกฤษได้เกิดความหายนะในปี 1988 เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม โดยเกิดเหตุไฟไหม้และเกิดการระเบิดขึ้นที่ North Sea Piper Alpha oil platform ทำให้มีคนตาย 167 จากจำนวนผู้ที่ทำงานบนแท่นทั้งหมด 228 คน หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้วงการอุตสาหกรรมและรัฐบาลอังกฤษทำการรอจนกระทั่งถึงปี 1990 จึงได้ทำการประกาศรายงานของของท่านลอร์ด Cullen ต่อสาธารณะชน
ตามรายงานของท่านท่านลอร์ด Cullen ได้ทำการสำรวจและลงความเห็นว่าสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการระเบิดเกิดการความผิดพลาดของการทำงานของระบบที่ออกใบอนุญาตให้ทำงาน (operation of the permit to work system) ซึ่งเป็นขั้นตอนและแนวทางที่สำคัญในการทำงาน ในปัจจุบันระบบนี้ถือว่าเป็นระบบที่สำคัญที่ใช้ในการทำงาน over-sea work ซึ่งจะเป็นการช่วยป้องกันอันตรายจากการทำงานอย่างมีศักยภาพ |
จากรายงานในครั้งนี้ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากตามมา เช่นขั้นตอนการทำงานและกฎระเบียบปฏิบัติซึ่งมีผลมากกว่ากว่าการระวังด้านความปลอดภัย ทุกๆวันนี้ในอุตสาหกรรมได้มีการตื่นตัวในเรื่องของความปลอดภัยเป็นอย่างมาก ตัวอย่าง บริษัทใดก็ตามที่เป็นเจ้าของแท่นเจาะน้ำมัน หากมีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยไม่ดี จะไม่ค่อยได้รับการพิจารณาว่าจ้างจากบริษัทที่เป็นเจ้าของสัมปทานน้ำมันให้ไปทำการขุดเจาะ บริษัทน้ำมันจะพิจารณาบริษัทที่มีสถิติอุบัติเหตุในการทำงานที่ต่ำก่อน เป็นต้น
สำหรับคนที่เคยไปแท่นเจาะน้ำมัน จะสังเกตได้ว่าเมื่อคุณไปถึงที่แท่นเจาะน้ำมันครั้งแรก คุณจะได้รับการแนะนำและข้อมูลค่อนข้างละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งของแท่นเจาะน้ำมัน บรรยายในหัวข้อเรื่องของความปลอดภัย รวมถึงระบบป้องกันอัคคีภัยและอุปกรณ์ดับเพลิง จุดรวมพลกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ตำแหน่งที่คุณจะมาขึ้นเรื่อที่จะใช้หนีไฟกรณีเกิดไฟไหม้(Lifeboat stations) และขั้นตอนการใช้งาน
นอกจากนั้นทุกๆคนที่อยู่บนแท่นเจาะน้ำมันจะต้องเข้าร่วมประชุมเรื่องความปลอดภัยประจำสัปดาห์ และประชุมย่อยรายวัน โดยทั่วไปหัวข้อการประชุมรายสัปดาห์จะกล่าวถึงรายละเอียดเรื่องข่าวความปลอดภัย และเรื่องทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมน้ำมัน นอกจากนั้นในวงการจะมีการแชร์ข้อมูลข่าวสารด้านความปลอดภัยกับบริษัทอื่นๆที่อยู่ในวงการเดียวกัน ซึ่งจะเป็นแนวทางสำหรับหลีกเลียงการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก มีการจำลองเหตุการณ์กรณีเกิดไฟไหม้ทุกสัปดาห์ภาษาบนแท่นเรียกว่า Fire drill เพื่อซักซ้อมความเข้าใจของลูกเรือที่ทำงานอยู่บนแท่นเจาะน้ำมัน นอกเหนือจากหัวข้อที่ผ่านมาท่านยังจะได้รับการแนะนำสถานที่ งานที่จะต้องรับผิดชอบ รวมถึงวิธีการทำงานของคุณที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อคนอื่นๆ
ในความเป็นจริงอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกอุตสาหกรรม แต่อย่างไรก็ตามจากสถิติในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าวิธีการทำงานนอกชายฝั่งได้มีการพัฒนาและปรับปรุงอย่างมากและต่อเนื่อง ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าในปัจจุบันอุบัติที่เกิดจากการทำงานนอกชายฝั่งนั้นมีน้อยกว่าการทำงานในสถานที่ก่อสร้าง
ปิโตรเลียม (petroleum จากภาษากรีก petra – หิน และ elaion – น้ำมัน หรือภาษาละติน oleum – น้ำมัน ) หรือน้ำมันดิบ บางครั้งเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า ทองคำสีดำ หรือ "น้ำชาเท็กซัส" คือของเหลวขุ่นข้นสีน้ำตาลเข้มหรือเขียวเข้ม
|
*** หมายเหตุ บางแหล่งข้อมูลได้กล่าวถึงที่มาของน้ำมันไว้ดังนี้ (ซึ่งจะต่างกับงานแปลนี้ ดังนั้นขอให้ใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสารข้อมูลนี้)
ในอดีตกาล ชาวจีนได้ค้นพบปิโตรเลียมจากการเจาะบ่อเกลือ และรู้จักใช้ประโยชน์จากปิโตรเลียมเพื่อเป็นเชื้อเพลิง ในการต้มน้ำเกลือให้ระเหยจนได้เกลือสินเธาว์ ชาวอียิปต์โบราณใช้ปิโตรเลียมดองศพก่อนนำไปฝังในสุสา น เพื่อช่วยป้องกันมิให้ศพเน่าเปื่อย ในอาณาจักรเมโสโปเตเมีย มีการนำเอาน้ำมันดิบมาเป็นวัสดุเชื่อมประสานก้อนอิฐเ ข้าด้วยกันในการก่อสร้างและใช้ปูลาดถนน ในสมัยกรีกและโรมัน ได้มีการใช้ปิโตรเลียมเป็นเชื้อเพลิงสำหรับตะเกียง และเป็นยาขี้ผึ้งสำหรับรักษาโรค ในพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของโลก อาทิเช่น บริเวณรอบๆ ทะเลสาบแคสเปียน โรมาเนีย พม่า และอินเดีย ได้มีการนำปิโตรเลียมมาใช้ประโยชน์ คือ เป็นเชื้อเพลิง สำหรับจุดให้แสงสว่าง และใช้ในการประกอบอาหาร ใช้เป็นวัสดุหล่อลื่น และใช้เป็นยารักษาโรค
|