ที่มา: คอลัมน์ เอชอาร์คอร์เนอร์
โดย ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์
ประชาชาติธุรกิจ 1 ส.ค.2555
ผมหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาคุยกันเพราะเห็นว่าเป็นช่วงของการรับปริญญาในหลายสถาบัน หลังจากนี้บัณฑิตใหม่จะต้องเข้าสู่โลกของการทำงาน ซึ่งหลายคนต้องไปสมัครงาน และในที่สุดต้องพบกับด่านสุดท้ายคือการสัมภาษณ์ เลยอยากจะให้ข้อแนะนำสำหรับน้อง ๆ ที่จะไปสัมภาษณ์ว่าควรหรือไม่ควรทำอะไรบ้างดังนี้ครับ
ควร
1.ศึกษาข้อมูลขององค์กรที่เราจะไปสัมภาษณ์ในเบื้องต้นก่อน เพราะหลายครั้งที่ผู้สมัครงานไปถามผู้สัมภาษณ์ว่าที่บริษัทนี้ทำธุรกิจอะไร ? แหมจะมาสัมภาษณ์ทั้งทีไม่ยอมทำการบ้านหาข้อมูลมาอย่างนี้แล้วจะให้กรรมการสัมภาษณ์ เขาจะคิดยังไงล่ะครับ
เคยได้ยินคำว่า "รู้เขา...รู้เรา" ใช่มั้ยครับ
2.ไปถึงสถานที่สัมภาษณ์ก่อนเวลา อันนี้สำคัญนะครับ เพราะถ้าไปสายจะทำให้เสียความน่าเชื่อถือไปไม่น้อย เมื่อเปรียบเทียบกับผู้สมัครรายอื่นที่เขาไปก่อนเวลา และหากมีความจำเป็นกะทันหัน ไม่สามารถไปสัมภาษณ์ได้ตามที่นัดหมาย ควรรีบโทรศัพท์ติดต่อกับฝ่ายบุคคลที่นัดเราทันที
ไม่ใช่รอให้เขาโทร.มาตามนะครับ เรื่องนี้มักจะเจอบ่อยสำหรับผู้สมัครงานในยุคนี้ คือไปตามนัดไม่ได้ก็ไม่ติดต่ออะไรมาเลย ที WhatsApp หรือโทร.คุยกับแฟนยังมีเวลา แต่พอเรื่องนี้กลับไม่ยอมติดต่อกลับซะงั้น
3.แต่งกายให้เหมาะสมกับลักษณะธุรกิจขององค์กรนั้น ๆ ซึ่งผู้สมัครงานต้องหาข้อมูลทำการบ้านไปก่อน เช่น ไปสัมภาษณ์กับธนาคาร หรือบริษัทที่ต้องการความน่าเชื่อถือ ก็ควรจะต้องผูกเนกไท เป็นต้น
4.แสดงภาษากาย การพูด และใช้
น้ำเสียงที่แสดงให้เห็นว่าเรากระตือรือร้นสนใจในงานที่มาสมัคร พูดจาฉะฉานชัดถ้อยชัดคำ ยิ้มแย้มแจ่มใสแสดงความมั่นใจในตัวเองอย่างมีเหตุมีผล รู้จักซักถามในเนื้อหาของงานในตำแหน่งที่
สมัคร เพื่อแสดงให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าเราสนใจในงานนั้น และต้องการจะทำงานจริง ๆ
5.ปิดโทรศัพท์ หลายครั้งที่ผู้สมัครเสียคะแนนเพราะเรื่องนี้แหละครับ ปิดโทรศัพท์ในช่วงเวลาสัมภาษณ์คงจะไม่ทำให้ถึงกับไม่มีสมาธิในการสัมภาษณ์ จริงไหมครับ
ไม่ควร
1.ไม่ยกมือไหว้ทักทายกรรมการสัมภาษณ์ เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ผมมักจะพบ คือผู้สมัครงานจะผงกหัวทักทายกรรมการสัมภาษณ์ แทนที่จะใช้วัฒนธรรมไทย ๆ ที่รู้จักกันทั่วโลกคือการไหว้ ถ้าท่านเป็นกรรมการสัมภาษณ์จะรู้สึกยังไงครับ แถมถ้าตำแหน่งงานนี้ต้องเป็นตำแหน่งที่จะต้องติดต่อกับลูกค้ารายใหญ่ ๆ (ที่เป็นคนไทย) ด้วยจะเหมาะหรือไม่
2.ซักถามวนเวียนแต่เรื่องเงินเดือนหรือสวัสดิการ ปกติผู้สมัครงานจะเขียนอัตราเงินเดือนที่ต้องการลงไปในใบสมัครอยู่แล้ว (ซึ่งควรจะต้องใส่เงินเดือนที่ต้องการลงไป ไม่ควรทิ้งว่างไว้นะครับ) ซึ่งกรรมการสัมภาษณ์เขาจะรู้อยู่แล้ว ผมมักจะพบว่ามีผู้สมัครงานจำนวนไม่น้อยไม่สอบถามเรื่องงานมากนัก แต่ถามว่าจะได้เงินเดือนเท่าไหร่ สวัสดิการมีอะไรบ้าง
ลองคิดดูสิครับ ในเมื่อกรรมการสัมภาษณ์ยังสัมภาษณ์ผู้สมัครงานรายอื่น ๆ ยังไม่เสร็จ และก็ยังไม่รู้ว่าท่านจะได้รับการคัดเลือกเป็นพนักงานหรือไม่ การถามเรื่องเงินเดือนจะมีประโยชน์อะไรล่ะครับ ?
แต่ถ้าท่านผ่านการคัดเลือก และทางบริษัทเขาตกลงรับเราเข้าทำงานแล้ว ยังไงฝ่ายบุคคลเขาจะต้องติดต่อกลับมาแล้วเจรจาเรื่องเงินเดือน สวัสดิการอีกครั้งอยู่ดี ซึ่งตอนนี้แหละที่ผู้สมัครจะได้เคลียร์กันให้ชัดเจนจะดีกว่า
ดังนั้น สู้เอาเวลาไปถามเรื่องงาน เพื่อให้กรรมการสัมภาษณ์เขาเห็นว่าเราเป็นคนที่เอาเรื่องงานมาก่อนเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวไม่ดีกว่าหรือครับ เพราะองค์กรต้องการคนที่ Give ก่อน Take ครับ
3.พูดคุยอวดอ้างสรรพคุณจนเกินจริง ผู้สมัครหลายคนชอบพูดคุยความสามารถด้านต่าง ๆ ของตัวเองจนดูเว่อร์ในสายตาของกรรมการสัมภาษณ์ หรือบางคน
พูดอวดเครือข่ายสายสัมพันธ์คอนเน็กชั่นว่ารู้จักคนใหญ่คนโต ซึ่งเป็นเรื่องไม่ควรทำครับ
4.ถ่อมตัวจนเกินเหตุ คือผู้สมัครงานบางคนถ่อมตัวจนเกินไป เช่น กรรมการสัมภาษณ์ถามว่า สมัยเรียนหนังสือคุณทำกิจกรรมอะไรบ้าง ก็ตอบว่า "ผมเป็นประธานชมรม...ครับ แต่ก็เป็นชมรมเล็ก ๆ
ที่ไม่ค่อยเป็นที่สนใจของนักศึกษาในสถาบันสักเท่าไหร่..." เลยดูเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง หรือมั่นใจในคุณค่าของงานที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่ไปเลย
5.รู้แต่เรื่องในตำราเรียนเพียงอย่างเดียว ในเรื่องนี้หมายถึงผู้สมัครงานโดยเฉพาะนิสิตนักศึกษาหลาย ๆ คนที่ผมพบมาจะตอบคำถามได้แต่เฉพาะเรื่องที่เรียนมาเท่านั้น แต่พอถามเรื่องความรู้รอบตัว เช่น
"เมื่อมีการเปิดประชาคมอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 คุณคิดว่าจะมีผลกระทบอะไรกับประเทศไทยบ้าง ?"
หลายคนก็อึ้ง ถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว แถมอาจจะยังถามกลับมาอีกว่า "AEC แปลว่าอะไร" เสียอีก ดังนั้นจำเป็นจะต้องศึกษาหาความรู้รอบตัว
เช่น เรื่องของเศรษฐกิจ, สังคม, การเมือง, ต่างประเทศ, เทคโนโลยี, ศิลปวัฒนธรรม, การเกษตร ฯลฯ เอาไว้ด้วย เรียกว่าถ้าใครอ่านมาก สนใจหาความรู้รอบตัวใส่ตัวมาก ก็จะสามารถพูดคุยกับกรรมการสัมภาษณ์ได้รอบด้านกว่าคนอื่น
จากที่ผมบอกมาในเบื้องต้น คงพอเป็นแนวทางให้กับนิสิตนักศึกษาใหม่ที่กำลังจะจบการศึกษาได้ข้อคิดในการ
เตรียมตัวก่อนที่จะไปสัมภาษณ์กันแล้ว
ขอให้โชคดีและประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงานนะครับ
========================================================