ยูเอ็นอีพี เผยรายงาน กระตุ้นให้ทั่วโลกเลิกใช้หลอดไฟรุ่นเก่า หันมาใช้หลอดไฟประหยัดพลังงาน 2% จะช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน ประหยัดเงินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมี 40 ชาติขานรับ...
โครงการสิ่งแวดล้อมสหประชาชาติ หรือยูเอ็นอีพี เผยรายงานนอกกรอบการประชุมสิ่งแวดล้อมที่เมืองตากอากาศแคนคูน ในเม็กซิโก กระตุ้นให้ทั่วโลกเลิกใช้หลอดไฟรุ่นเก่าที่สิ้นเปลืองไฟฟ้า ซึ่งต้องใช้พลังงานน้ำมันผลิตอันมีผลให้เกิดก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศโลกราว 8% ซึ่งหากหันมาใช้หลอดไฟประหยัดพลังงานจะช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน เพราะลดการใช้ไฟ 2% ทำให้ประหยัดเงินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมีราว 40 ประเทศ รวมสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู), สหรัฐฯ, แคนาดา, ออสเตรเลีย, คิวบา และฟิลิปปินส์เข้าร่วมโครงการ
ขณะเดียวกัน การประชุมวันที่ 3 ในเมืองแคนคูน ญี่ปุ่นถูกกล่าวหาว่าไม่สนใจทำแผนรณรงค์สนธิสัญญาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกหลังปี 2555 นับจากสนธิสัญญาเกียวโตสิ้นสุดลง กระนั้นตัวแทนการเจรจาระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯกับรัฐบาลจีนใกล้บรรลุข้อตกลงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หลังถกเถียงกำหนดปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกและยอมให้ประเทศอื่นตรวจสอบ รายงาน และพิสูจน์ (เอ็มอาร์วี) ได้
นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมกว่า 400 คนจากองค์กรในละตินอเมริกา ยุโรป และ เอเชียนำขบวนรถบัสราว 14 คัน ออกเดินทางจากกรุงเม็กซิโกซิตี ไปยังเมืองแคนคูน สถานที่จัดประชุมระยะทางกว่า 1,700 กม. เพื่อเข้าพบประธานาธิบดี เอโว โมราเลส แห่งโบลิเวีย ในวันที่ 7 ธ.ค. เพราะเป็นผู้นำคนเดียวที่แสดงเจตนาเข้าร่วมประชุม ต่างจากประธานาธิบดี เฟลิเป กัลเดรอน แห่งเม็กซิโก กับประธานาธิบดี หลุยส์ อินาซิโอ ดา ซิลวา แห่งบราซิล ที่คาดการณ์ว่าไม่เกิดมรรคผลใดในการประชุมตลอด 12 วันที่เมืองแคนคูน.