ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
09 มิถุนายน พ.ศ. 2553
อุตฯยานยนต์ดึงรัฐร่วมลงทุนหมื่นล้าน ยกระดับไทยดีทรอยต์เอเชียสมบูรณ์แบบ ปั๊มยอดผลิตรถ2ล้านคัน/ปี
ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์คนใหม่ไฟแรง พร้อมปรับระบบคลัสเตอร์ยานยนต์ใหม่ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อผลักดันประเทศไทยก้าวสู่การผลิตรถยนต์ปีละ 2 ล้านคัน เร่งปัดฝุ่นโครงการศูนย์ทดสอบชิ้นส่วนยานยนต์อีกระลอก หลังแผนงานเดิมชะงัก ระดมทุนรัฐ-เอกชนกว่า "หมื่นล้าน" ยกระดับไทยดีทรอยต์เอเชียสมบูรณ์แบบ
นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธานและประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังจากเข้ามารับตำแหน่งก็ได้เตรียมความพร้อมเพื่อผลักดันประเทศไทยก้าวสู่การผลิตรถยนต์ครบ 2 ล้านคัน ซึ่งเดิมกำหนดไว้ปี 2553-2555 หลังจากที่ได้ฉลองยอดผลิตครบ 1 ล้านคัน เมื่อปี 2548 ที่ผ่านมาแล้วซึ่งการไปสู่เป้าหมายนั้นจะต้องปรับปรุงหลายส่วน โดยเฉพาะความพยายามที่จะนำระบบคลัสเตอร์ยานยนต์ หรือการรวมกลุ่มของอุตสาหกรรมยานยนต์กลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งเป็นกลุ่มเป็นก้อนในด้านการผลิตอย่างแท้จริง สามารถเอื้อประโยชน์ในหลาย ๆ ด้านต่อกัน และทำให้ต้นทุนต่อหน่วยในการผลิตต่ำลง ส่งผลให้การผลิตรถยนต์ในบ้านเราแข่งขันกับเพื่อนบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"ถ้าเราไม่ถูกกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ปริมาณความต้องการในตลาดหดหายและยอดการผลิตรถยนต์ลดลง เราคงใกล้ 2 ล้านคันแล้ว แต่เมื่อทุกอย่างสะดุดวันนี้ก็ต้องเริ่มกันใหม่ โดยจะต้องหารือและวางแผนรวมกันระหว่างผู้ผลิตรถยนต์และกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ควบคู่ไปกับการทำให้กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยมีความแข็งแกร่ง แทนที่เราจะกังวลหรือกลัวผู้ผลิตจากต่างประเทศ เราควรหันมาบุกตลาดให้ดี ทำให้แข็งแรงเหมือนเช่นที่เราทำได้กับผู้ผลิตรถยนต์ และสิ่งที่จะทำให้ชิ้นส่วนเราสู้เขาได้ก็คือ เราจะต้องมีวัตถุดิบต้นน้ำ เครื่องจักรที่ทันสมัย ผลิตเองได้ และมีแรงงานฝีมือด้วย" นายศุภรัตน์กล่าว
ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์กล่าวอีกว่า หลังจากสร้างความเข้มแข็งให้กับคลัสเตอร์โดยเฉพาะชิ้นส่วนแล้ว ทางกลุ่มยังมีแผนปัดฝุ่นศูนย์ทดสอบชิ้นส่วนยานยนต์เอากลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง
โดยขณะนี้ได้มีการหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และสถาบันยานยนต์ เพื่อนำแนวคิดดังกล่าวกลับมาใช้อีก เนื่องจากมองว่าถึงเวลาที่ประเทศไทยจะต้องมีศูนย์ทดสอบชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นเป็นของตัวเอง เนื่องจากที่ผ่านมาพบปัญหาว่ากลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนขนาดเล็กและขนาดกลางขาดศูนย์สำหรับทดสอบ ซึ่งแตกต่างจากค่ายรถยนต์และบริษัทชิ้นส่วนขนาดใหญ่ที่จะมีศูนย์ทดสอบวิจัยและพัฒนาเป็นของตัวเอง
ดังนั้นเพื่อให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยมีความแข็งแกร่งและสามารถแข่งขันได้ ทางกลุ่มและหน่วยงานข้างต้นมองว่า ถ้าประเทศไทยจะเป็นฮับของอุตสาหกรรมยานยนต์ หรือดีทรอยต์แห่งเอเชียที่สมบูรณ์แบบ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีศูนย์ทดสอบ สำหรับรูปแบบของการลงทุนนั้นเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นการลงทุนระหว่างรัฐบาลและภาคเอกชนอย่างละครึ่ง ๆ
ส่วนงบประมาณนั้นคาดว่าจะต้องใช้เม็ดเงินในการลงทุนอย่างน้อย 10,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าว่าศูนย์ทดสอบดังกล่าวจะต้องลงทุนแล้วเสร็จให้ทันกับโมเดลเจเนอเรชั่นที่ 2 ของอีโคคาร์ที่จะออกสู่ตลาด และเตรียมนำเสนอโครงการดังกล่าวต่อภาครัฐภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน
"โดยศูนย์ทดสอบแห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางสำหรับผู้ประกอบการใช้ทดสอบคุณภาพชิ้นส่วนยานยนต์ เบื้องต้นเราคงจะต้องลงทุนเป็นสเต็ป ๆ ไป เริ่มจากชิ้นส่วนแต่ละประเภท เพราะวันนี้ถ้าเราไม่รีบทำศูนย์ทดสอบให้เกิด อนาคตเป็นไปได้ว่าเราจะถูกประเทศเพื่อนบ้านแซงหน้าได้ เพราะในจีนและไต้หวันก็มีศูนย์ทดสอบนี้แล้ว ส่วนสนามทดสอบนั้นวันนี้ไม่จำเป็นจะต้องลงทุนแล้ว เนื่องจากมีสนามของเอกชนเปิดให้เช่าและพื้นที่ก็กว้างขวางพอสมควร" นายศุภรัตน์กล่าว