หม้อไอน้ำแบบท่อไฟหรือหลอดไฟ (Fire-tube Boiler)
หม้อไอน้ำแบบนี้เป็นแบบที่ใช้ผลิตไอน้ำในยุคแรก ๆ ปลายศตวรรษที่สิบแปด ปัจจุบันไม่มีใช้งานในการผลิตไฟฟ้าแล้ว แต่ยังคงมีใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมเนื่องจากผลิตได้เองในประเทศไทย ใช้งานได้ความดันไม่เกิน 250 psig (ประมาณ 18 bars) กำลังผลิตไม่เกิน 50,000 lb/h
รูปที่ 1 ตัวอย่างเครื่องกำเนิดไอน้ำหลอดไฟ Stead จากรูปที่ 1 เป็นหม้อไอน้ำหลอดไฟที่จัดวางในแนวนอน ก๊าซร้อนจะไหลจากเตาข้างล่างด้านหน้าไปด้านหลัง วกกลับผ่านหลอดไฟในถังแล้วออกสู่ปล่องควันด้านหน้า
หม้อไอน้ำหลอดไฟเป็นแบบหนึ่งของหม้อไอน้ำแบบถัง (shell-type boiler) ซึ่งปรกติมักเป็นแบบถังทรงกระบอกในแนวนอน บรรจุน้ำในถังและรับความร้อนจากด้านล่าง และได้พัฒนารูปแบบขึ้นเป็นหม้อไอน้ำไฟฟ้า (electric boiler) และถังสะสมไอน้ำ (accumulator) โดยที่มีอีเล็กโทรด หรือท่อไอน้ำจากแหล่งภายนอกแช่ในน้ำภายในถังเพื่อให้ความร้อน
หม้อไอน้ำแบบถัง (shell-type boiler) ได้พัฒนาต่อมาเป็น หม้อไอน้ำหลอดไฟ (fire-tube boiler) โดยให้ก๊าซร้อนไหลผ่านท่อหรือหลอดภายในแทนไอน้ำ ทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าแบบเดิม อาจสูงถึง 70%
การจัดวางหม้อไอน้ำหลอดไฟนั้นส่วนใหญ่วางในแนวนอน แต่ก็มีแนวดิ่ง และวางแนวเอียงอยู่บ้าง
หม้อไอน้ำหลอดไฟมี 2 ชนิด
Horizontal-tube Fire-tube Boiler
รูปที่ 2 ผังแสดงหม้อไอน้ำท่อไฟแนวนอนยุคแรก Scotch marine Fire-tube Boiler
รูปที่ 3 ผังแสดงหม้อไอน้ำ scotch marine ยุคแรก การใช้งานของหม้อไอน้ำหลอดไฟจำกัดอยู่เพียงไอน้ำอิ่มตัว และความดันไม่สูงนัก หม้อไอน้ำสกอตช์มารีนที่มีใช้ในสหรัฐขนาดใหญ่สุดมีกำลังผลิต 2000 กำลังม้า (blhp) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 13 ฟุต ยาว 30 ฟุต
เดิมนิยามว่า 1 blhp = 10 sq ft ของผิวรับความร้อน ปัจจุบันใช้ค่า 1 blhp = กำลังผลิตไอน้ำ ที่ความดัน 1 บรรยากาศ 34.5 lb/h = 33475.35 Btu/h แล้วปัดเศษใช้เป็น 1 blhp = 33480 Btu/h
|
ขอขอบคุณทุกๆแหล่งที่มาของข้อมูล
|