โดยหลักการทอดแบบ Deep Fry จะเป็นการทอดในน้ำมันร้อนจัด ซึ่งจะทำให้อาหารสุกทั่วถึงกันทั้งหมด อีกทั้งลดระยะเวลาในการทอดได้เร็วขึ้นเนื่องจากไม่ต้องกลับด้านในการทอด เพราะใช้หม้อทอดแบบมีตะแกรงใส่อาหาร และจุ่มแช่ลงไปในน้ำมันร้อนๆ
การทอดแบบ Deep Fry จะทำให้เกิดปฏิกิริยาเมลลาร์ด (Millard Effect) หรือการทำให้โปรตีนและน้ำตาลในอาหารกลายเป็นสีน้ำตาลไหม้ อีกทั้งเป็นการทอดที่ช่วยรีดน้ำออกจากชั้นนอกของอาหาร จึงทำให้อาหารมีลักษณะกรอบนอกและชุ่มฉ่ำด้านในเนื่องจากมีการกักเก็บความชื้นของน้ำมันเอาไว้
ความต่างระหว่าง Air Fry และ Deep Fry
- การทอดแบบน้ำมันท่วม ต้องมีน้ำมันมากพอที่จะจุ่มอาหารลงไปได้ทั้งชิ้น แต่การทอดแบบไร้น้ำมันอาจใช้น้ำมันเพียง 1 ช้อนโต๊ะหรือไม่ใช้น้ำมันในการทอดเลย
- น้ำมันที่ถูกใช้ทอดแบบ Deep Fry จะซึมซาบเข้าไปในเนื้ออาหาร อาหารจึงมีรสสัมผัสที่กรุบกรอบมากกว่า
- อาหารที่ทอดแบบ Air Fry เนื้อสัมผัสจะมีความแห้งมากกว่าอาหารที่ทอดแบบน้ำมันท่วม
- Deep Fryer เป็นหม้อทอดที่ใช้สำหรับทอดได้เพียงอย่างเดียว แต่หม้อทอดไร้น้ำมัน สามารถใช้สำหรับอาหารประเภทอื่นได้ด้วย เช่น การย่าง อบอาหาร อบขนม ฯลฯ
- Air Fryer ใช้น้ำมันเล็กน้อยหรือไม่ใช้เลย ทำให้ทำความสะอาดได้ง่ายกว่าหม้อ Deep Fryer อีกทั้งการต้องทิ้งน้ำมันปรุงอาหารในปริมาณมากๆ นั้น อาจเป็นเรื่องยุ่งยากและอดเสียดายไม่ได้
เลือกใช้อันไหนดี ระหว่าง Air Fryer หรือ Deep Fryer ?
เพราะการทอดที่แตกต่างกันของ Air Fry และ Deep Fry จึงส่งผลต่อรสชาติ สุขภาพ รวมทั้งประโยชน์ในการใช้งานของตัวเครื่อง Air Fryer และ Deep Fryer ซึ่งต่อไปนี้คือข้อเปรียบเทียบของทั้งสองแบบ
รสชาติอาหาร
หากคุณเป็นคนที่โปรดปรานของทอด และติดในรสชาติความอร่อยของเมนูทอด หม้อ Deep Fryer จะตอบโจทย์ได้มากกว่า Air Fryer ถึงแม้ว่า Air Fryer จะทำให้อาหารสุกกรอบได้คล้ายกับ Deep Fryer แต่เชื่อเถอะว่า ไม่มีอะไรที่จะมาแทนที่อาหารทอดที่ใช้น้ำมันจริงๆ ได้ และเนื่องจากการทอดไร้น้ำมัน จะทำให้อาหารมีความแห้งมากกว่า แต่ในแง่ของรสชาติแล้ว อาหารที่ทอดแบบ Deep Fry มักจะมีรสชาติที่อร่อยกว่าอยู่ดี