พัดลมหมุนช้าหรือไม่หมุน
โดย : Admin
CR: คุณ
Control.A
จากเว็บไซต์พันทิป ดอทคอม
พัดลมหมุนช้าหรือไม่หมุน หรือ หมุนๆหยุดๆ ซ่อมเองได้ 20 บาท
กรณีศึกษาพัดลม ยี่ห้อ MIRA พัดลมอิเล็กทรอนิกส์
ช่วงนั้นอากาศร้อนมากๆ ทำไมพัดลมมันหมุนช้าจังอ่ะ เพิ่งสังเกตได้ก็ตอนอากาศร้อนจัดๆ นี่แหละครับ เมื่อก่อนหน้าฝน หน้าหนาวแทบไม่ค่อยสนใจ นั่งถึงก็กดเปิดพัดลมเอาแค่ลมเบาๆ ก็พอ แต่พออากาศร้อนจัดๆ เพิ่งจะมาสังเกตว่าพัดลมเราหมุนช้ามากๆ ที่บ้านพัดลมตั้งโต๊ะที่บ้าน ซื้อมา 4 ปีแล้ว มีอาการหมุนช้ามากๆ กดไปเบอร์ 3 แล้วยังหมุนเหมือนเบอร์ 1 อยู่เลย แกะมาทำความสะอาดก็แล้ว ตรวจเช็คแกนหมุนก็ปกติไม่ได้ฝืดอะไร
อาการเสียที่ว่าเกิดจากตัว Capacitor ที่ทำงานร่วมกับ Motor ของพัดลมครับ Capacitor หรือที่เรียกว่าตัว C หรือบางคนเรียกตัว CAP ครับ
จริงๆ อาการพัดลมหมุนช้า ไม่หมุน โดยมากเกิดได้จาก 2 สาเหตุ ก็คือ Motor เสีย และตัว Capacitor ค่ามันเสื่อมหรือเสียนั่นแหละครับ ซึ่งโอกาสที่จะเสียมากที่สุดก็เป็นเจ้าตัว C นี่แหละครับ
ส่วนอาการอื่นๆ ที่อาจจะเกิดตัว C เสียได้อีกก็คือ พัดลมไม่หมุน หรือ ต้อง Start ด้วยมือก่อนถึงจะทำงาน หรือ ทำงานไปซักพักก็ค่อยๆ หยุด จับตัว C เปลี่ยนได้เลยเช่นกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรจะตรวจเช็คดูก่อนนะครับว่าแกนหมุนไม่ได้ฝืดมาก อันนั้นเกิดจากไม่ค่อยได้ถอดมาล้างทำความสะอาด เป่า ปัด ฝุ่นบริเวณมอเตอร์เลย ซึ่งควรทำเป็นประจำครับ 2-3 เดือนซักครั้งนึงหากเราใช้งานทุกวัน
เครื่องมือที่ใช้
1. ไขควงแฉก
2. คีมตัดหรือ Cutter ก็ได้
3. หัวแร้ง
4. ตะกั่วบัดกลี
5. ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือตัว C หรือตัว CAP นั่นแหละครับ
6. ส่วน Meter วัดไฟจะมีหรือไม่มีก็ได้ครับ ไม่ค่อยจำเป็นผมเอามาเช็คเพื่อให้เห็นว่าตัวที่เสียเกิดจากตัว C ครับ
นี่ครับตัว C ราคา 20 บาท ซื้อได้ที่ร้านอมร หากใครมีโอกาสไปเดินบ้านหม้อก็อาจจะหาได้ในราคา 10-15 บาท หรือร้านที่ขายอะไหล่เครื่องใช้ไฟฟ้า แล้วแต่สะดวกครับ
ส่วนจะรู้ได้อย่างไรว่าใช้ค่าแบบไหนสำหรับตัวที่เราจะซ่อม ก็ต้องถอดพัดลมมาดูก่อนครับ ซึ่งโดยทั่วๆ ไป (เกือบทุกยี่ห้อทุกรุ่น) ก็จะใช้ค่า 1.5uF(Micro Farad) 400V
แต่เพื่อชัวร์ก็ควรจะถอดรื้อดูก่อนครับ หรือเอาตัวอย่างไปถามที่ร้านขายได้เลย บอกคนขายว่า C พัดลมครับ
ขั้นตอนแรกก็ถอด ๆ ครับ
*** ก่อนที่จะถอดอย่าลืมดึงปลั๊กก่อนนะครับ อันนี้สำคัญมากๆ
ทุกยี่ห้อของพัดลมเจ้าตัว C จะอยู่ติดกับ Motor ครับ เพราะหากลากสายยาวไป สายที่เพิ่มขึ้นก็อาจจะทำให้ค่า C เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ เพราะฉะนั้นบริษัทผู้ผลิตก็จะเอาไว้ติดกับ Motor ครับ
โดยจะมีน๊อต 2 ตัว ต้องถอดน๊อตตัวบนก่อน จากนั้นก็ถอดตัวที่ท้ายครับ
Advertisement
Replay Ad
หลังจากนั้นก็จะได้หน้าตาแบบนี้ครับ
ตัว C ก็คือที่ลูกศรชี้ไว้นั่นแหละครับ ขันน๊อตตัดสายออกมาได้เลย ไม่มีขั้วครับ ตอนต่อกลับต่อยังไงก็ได้
เอามาตรวจวัดให้ดูครับ ค่าที่ได้ของตัวนี้คือ 0.444 uF ซึ่งค่าปกติจะเป็น 1.5 uF เสียแน่นอน ซึ่งถ้าค่าน้อยกว่านี้อาจจะทำให้พัดลมไม่หมุนเลยก็ได้ *** ค่าที่โชว์ในรูปคือ 444.2 nF (Nano Farad) ซึ่งก็เท่ากับ 0.4442 uF (Micro Farad) ซึ่งก็คล้ายๆ กับ 1000 มิลลิกรัม เท่ากับ 1 ครับ 1000 เท่ากับ 1 กิโลกรัม นั่นแหละครับ ซึ่งจริงๆ ค่าพวกนี้มันแบ่งย่อยได้ลงไปอีก มิลลิ ---> ไมโคร ---> นาโน ---> พิโก้ ใครเรียนมาทางสายวิทย์อาจจะคุ้นเคย
****
มาดูพระเอกของเราครับ ค่าที่วัดได้คือ ....1.543 uF ครับ
จากนั้นก็ปอกสายไฟตรงปลายเพื่อบัดกลีครับ ต้องระมัดระวังไม่ไปทำให้ส่วนอื่นๆ ของพัดลมเสียหายนะครับ เพราะขดลวด motor จะเล็กมากๆ ขาดเอาได้ง่าย จริงๆ ขั้นตอนนี้ใครไม่มี หัวแร้ง ตะกั่ว ก็สามารถใช้วิธีการพันสายไฟได้ครับ เพียงแต่ต้องพันเข้ากันให้แน่นหนาที่สุด และหลังจากนั้นต้องพันด้วยเทปพันสายไฟอีกครั้ง อันนี้จำเป็นมากๆ นะครับไม่งั้นไฟช๊อตเอาได้
เสร็จแล้วก็จัดเก็บตำแหน่งครับ ขันน็อตยึดตัว C หรือหากตัวใหม่ที่ซื้อมาไม่มีขาสำหรับยึดน็อต เหมือนที่ผมซื้อมาก็ใช้กาวสองหน้าได้ครับ จากนั้นก็ใส่ฝาครอบคืนตำแหน่ง ใส่ขาที่สำหรับดึงให้พัดลมส่าย คืนตำแหน่งครับ
จากนั้นเป็นอันเรียบร้อยครับ ซ่อมพัดลมด้วยงบประมาณ 20 บาท หากยกไปหาช่างก็ประมาณ 100-150 บาท สำหรับใครที่เปลี่ยนตัว C ไปแล้วพัดลมยังไม่หมุน (ส่วนคนที่หมุนช้านี่กลับมาปกติแน่นอน) อาการเสียเป็นที่ Motor ค่อนข้างแน่ (ควรแกะฝาล่างดูว่าสายไฟขาดหรือเปล่าก่อนนะ ต้องระมัดระวังหน่อยนะครับ) อาการ Motor เสียค่าซ่อมประมาณ 200-300 บาท ซึ่งดูเหมือนจะไม่ค่อยคุ้มสำหรับคนที่มีพัดลมตัวเล็ก ๆ ราคา 300-500 บาท ลองซ่อมดูได้ครับ สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องพัดลม อากาศร้อนๆ ได้รับลมเย็นๆ จะได้ใจเย็นๆ อารมณ์ดีๆ กันครับ
เนื้อหาโดย:
9engineer.com
(
https://9engineer.com/
)