ที่มา : เอกสารเผยแพร่ความรู้ของ IT city ปี 52
|
การเลือกชื้อคอมพิวเตอร์ ก่อนอื่นผู้ซื้อควรคำนึงวัตถุประสงค์หลัก หรือความต้องการในการใช้คอมพิวเตอร์ในด้านต่าง ๆ ของตนเองไม่ว่าจะเป็นสำหรับการทำงาน หรือเพื่อความบันเทิง เนื่องจากงานต่างๆ จะมีส่วนสำคัญในการพิจารณาเลือกชื้ออุปการณ์ให้ตรงตามความต้องการ ซึ่งในปัจจุบันนี้ ผู้ใช้ทั่วไปทั่วไปนิยมกำหนดรายละเอียดและเลือกซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ด้วยตนเอง เพื่อให้ได้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตรงตามความต้องการมากที่สุด อีกทั้งยังเป็นการควบคุมงบประมาณในการซื้อได้อีกทางหนึ่งด้วย เราอาจจำแนกคอมพิวเตอร์ออกตามลักษณะการใช้งานได้เป็น 3ประเภทได้ดังนี้
|
1.คอมพิวเตอร์สำหรับงานเอกสาร และโปรแกรมเบื้องต้น
คอมพิวเตอร์ในระดับนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีความต้องการใช้คอมพิวเตอร์ในลักษณะงานทั่วๆไป เช่นการพิมพ์งาน การดูหนัง ฟังเพลง และการใช้อินเตอร์เนท ซึ่งงานเหล่านี้ สามารถเลือกส่วนประกอบในระดับราคาประหยัด จะทำให้ได้เครื่องคอมพิวเตอร์ตามต้องการในระดับราคาที่ประหยัด
2.คอมพิวเตอร์สำหรับความบันเทิง
คอมพิวเตอร์ในระดับนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้คอมพิวเตอร์ในการฟังเพลง ดูภาพยนตร์ ในระดับคุณภาพเสียงแบบดิจิตอลหรือเล่นเกมส์แบบ 3 มิติโดยเฉพาะ ซึ่งจะนิยมเลือกส่วนประกอบที่มีประสิทธิภาพในระดับปานกลาง แต่เน้นอุปกรณ์เฉพาะด้านใช้ CPU ความเร็วปานกลาง แล้วเลือก VGA Card ที่ระดับความเร็วสูง และเลือกลำโพงในระดับที่ดีพอควร
3.คอมพิวเตอร์สำหรับงานระดับมืออาชีพ
คอมพิวเตอร์ในระดับนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานในระดับมืออาชีพ เช่น วิศวกร สถาปนิกออกแบบอาคาร Graphic Designer หรือต้องการตัดต่อภาพยนตร์ ซึ่งผู้ซื้อที่มีความต้องการในระดับบี้มักจะมีงบประมาณในการเลือกซื้อที่มากเพียงพอในการเลือกซื้ออุปกรณ์รวมถึงอุปกรณ์เฉพาะด้านตามที่ต้องการจึงทำให้ราคานั้นอาจอยู่ในระดับค่อนข้างสูง
|
อุปกรณ์แบบพกพาเคลื่อนที่ เป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจสามารถพกพาติดตัวไปได้ทุกที่อีกทั้งยังมีสมรรถนะที่สูงขึ้นกว่าแต่ก่อนรวมถึงความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อเข้าสู่โลกแห่งข้อมูลข่าวสารจากทุกๆที่ทำให้ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ๆหันมาสนใจเลือกซื้อ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
อุปกรณ์ไอที แบบพกพาเคลื่อนที่ 'Notebook ' เป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจสามารถพกพาติดตัวไปได้ทุกที่อีกทั้งยังมีสมรรถนะสูงกว่าแต่ก่อนรวมถึงความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อเข้าสู่โลกแห่งข้อมูลข่าวสารจากทุกๆที่ทำให้ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ๆหหันมาสนใจเลือกชื้อ Notebook เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
|
เลือกซื้อโน้ตบุ๊กอย่างไรให้คุ้มค่า
CPU: ขุมพลังหลักบ่งบอกถึงสมรรถนะและความเร็วในการใช้งาน
ระดับความเร็วของซีพียูเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นตัวกำหนดราคาของโน้ตบุ๊กรุ่นนั้นๆ ซึ่งแบ่งออกเป็นสองกลุ่มดังนี้
1. CPUราคาประหยัด ออกแบบสำหรับรองรับงานเบื้องต้นใช้งานทั่วไปเช่นดูภาพยนตร์ ฟังเพลงใช้งานด้านเอกสารพิมพ์งานรองรับงานต่างๆซึ่งไม่ได้ใช้งานสมรรถนะของซีพียูสูงนัก เช่น CeleronM , Sempron
2. CPU คุณภาพสูง ออกแบบสำหรับรองรับงานที่มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นเช่นงานด้านการตัดภาพยนตร์การออกแบบทางด้านกราฟฟิคการเล่นเกมส์ เช่น Pentium M , Turion64,Pentium4
3. RAM : หน่วยความจำยิ่งมากยิ่งดีช่วยให้เครื่องทำงานได้รวดเร็วขึ้น ปัจจุบันเริ่มต้นที่ 256MB สามารถอัพเกรดได้มากถึง 2GB(2048MB)Ram ยิ่งมีขนาดใหญ่ยิ่งสามารถที่จำนำงานขนาดใหญ่ขึ้นมาประมวลผลได้พร้อมๆ กันหลายงานไม่ต้องเสียเวลาคอยสลับงานไปมา ทำงานที่เครื่องกำลังประมวลผลเสร็จเร็วขึ้น
4.Monitor: มีผลต่อขนาดของตัวเครื่องปัจจุบันมีสองแบบให้เลือกจะที่มีลักษณะมันเงาจะช่วยให้ภาพที่ได้มีสีสดใสชัดเจนสวยงาม จอที่มีลักษณะผิวด้านด้านจะช่วยถนอมสายตาหากใช้งานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
5.Graphic Card : เน้นงานทางด้านกราฟฟิคเป็นหลัก Notebook ที่มีกราฟฟิคการ์ดซึ่งมี Ram แยกต่างหากจาก Ram ในระบบจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วในการทำงานทางด้านการออกแบบกราฟฟิคเป็นหลักจาก Graphic Card ช่วยลดงานที่ CPU ต้องคำนวณลงมีผลให้เครื่องที่มีการ์ดจอแบบแชร์ RAM จากระบบก็สามารถที่จะใช้งานได้เช่นกันแต่อาจมีการสดุดบ้างเล็กน้อย
6.Port เชื่อมต่อต่าง: เช่น USB,PS/2, Serial , Parallel , IR,IEEE1394 ,Wireless ,Bluetooth ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของแต่ละบุคคลหากต้องการเชื่อมต่อ Inteet ผ่านเครือข่ายมือมือควรเลือกซื้อเครื่องมี่มีอุปกรณ์ Bluetooth หรือต้องการเชื่อมต่อ Network โดยไม่ต้องเดินสายให้ยุ่งยากทำได้โดยการเลือกซื้อเครื่องที่มีอุปกรณ์ Wireless
7.Battery : นิยมใช้แบบลิเธียมไอออน (Lilon) ปัจจุบันมีแบบที่เป็น Lithium Polymer แต่ว่ายังไม่แพร่หลายนักเนื่องจากยังมีราคาสูง ในอนาคตมีแบบใช้เชื้อเพลิงเติมเข้าไปในก้อนแบตเตอรี่ช่วยเพิ่มระยะเวลาให้สามารถได้ต่อเนื่องนานขึ้นแต่อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาให้ดีขึ้น Operating System : นิยมใช้ WindowsXPHome , ProfesionalwithSP2 ข้อมูลต่างๆ เป็นความรู้เบื้องต้นเพื่อช่วยการเลือกซื้อโน้กบุ๊ก การเลือกซื้อนั้นนอกจากเทคโนโลยีต่างๆ ในเครื่องแล้วยังต้องพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ในการใช้งานและงบประมาณโดยเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับงานและต้องมองเผื่อไปสำหรับการใช้งานในอนาคตด้วย
|
ปัจจุบัน มอนิเตอร์ LCD (Liquid Crystal Display ) นั้นใช้กันอย่างแพร่หลายใน,นะที่เป็นมอนิเตอร์ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือแบบพกพาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โน้ตบุ๊ก กล้องดิจิตอล เครื่องเล่นmp3โทรศัพท์มือถือ และPDA (พวกเครื่องปาล์ม) รวมไปถึงก้าวมามีบทบาทแทนที่มอนิเตอร์แบบ CRT (Cathode-ray tube) ของเครื่องตั้งโต๊ะที่เคยใช้กันแล้วในปัจจุบันแบ่งออกได้เป็นสองแบบใหญ่ๆ ก็คือ |
Thin Film Transistor (TFT) Active matrix จอภาพสีสดใสมองเห็นจากหลายมุม เนื่องจากให้ความสว่าง และสีสันในอัตราที่สูง มีการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของภาพที่เร็วขึ้นและมีความคมชัดขึ้น มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า TFT - Thin Film Transistor และเนื่องจากคุณสมบัติดังกล่าวทำให้ราคาของจะประเภทนี้ค่อนข้างสูง
Dual-Scan Twisted Nematic (DSTN) ด้วย Passive matrix color จอภาพสีค่อนข้างแห้ง เนื่องจากมีความสว่างน้อย และสีสันไม่มากนัก และทำให้ไม่สามารถมองจากมุมมองอื่นได้ มุมมองจะค่อนข้างจำกัดกว่าLCD แบบTFT เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า DSTN- Dual-Scan Twisted Nematic จอ LCD มีรายละเอียดการเลือกชื้อ ที่แตกต่างกับจอแบบ CRT บ้าง ประการแรกนั่นคือค่าของ Refresh Rate และ Dot pitch แต่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญในการนำมาเปรียบเทียบ เพราะจอภาพแบบนี้มีกลักการการสร้างภาพที่แตกต่างออกไป สิ่งสำคัญกว่านั้นคือความละเอียด หรือ Resolution ที่ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดก็ว่าได้ เพราะยิ่งมีความละเอียดมากก็ยิ่งให้ความสมจริง และสวยงามมากยิ่งขึ้น จอแบบนี้ถือเป็นจอระดับสูงด้วยจุดเด่นหลายๆประการนั่นคือ ประหยัดไฟฟ้า ประหยัดพื้นที่ทำงาน ให้การแสดงผลที่ดีและไม่มีปัญหาในเรื่องของสนามแม่เหล็กและการแผ่รังสี
|
เครื่องช่วยจัดการข้อมูลส่วนตัว (Personal Digital Assistant )เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่งที่สามารถสนองตอบการทำงานหลักของคนเราเปรียบได้กับคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่สามารถพกพาไปเช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์ สามารถทำงานได้หลากหลายตั้งแต่การเป็นเครื่อง Organization MP3 Player Digital Camera เป็นต้น
สำหรับเครื่อง PDA ที่นิยมใช้กันในบ้านเรานั้นก็จะมีความนิยมอยู่ 2 แบบใหญ่ๆ คือ Palm และ Pocket ซึ่งแม้ว่าจะมีตัวอื่นๆด้วยแต่ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไรนัก เราก็มามองของทั้งสองอย่างก่อนว่าจะมีส่วนใดทีน่าในใจบ้างสำหรับการเลือกซื้อ สำหรับในเรื่องของราคานั้นเครื่อง ก็จะมีราคาเอยู่แตกต่างกันพอสมควรตามรุ่นตามฟีเจอร์หรือตามคุณสมบัติต่างๆของตัวเครื่อง โดยในการเลือกชื้อนั้นก็ให้ดูราคาที่มีความเหมาะสมกับเราว่าจะต้องการเครื่องในราคาเท่าไร ซึ่งราคานี้ก็อาจจะเป็นการบ่งบอกถึงคุณสมบัติต่างๆ ของตัวเครื่องได้อย่างคร่าวๆ เหมือนกัน ก็หันมาปรับเปลี่ยนในเรื่องของราคาก็ได้ ซึ่งอาจจะถูกกว่าหรือแพงกว่านิดหน่อยเพื่อให้ได้เครื่องที่เราต้องการ |
โพรเซสเซอร์ก็เป็นส่วนหลักของเครื่องPDA ส่วนหนึ่งก็ได้ และก็เป็นตัวบอกถึงความเร็วของ PDA ตัวนั้นๆด้วย ถ้าโพรเซสเซอร์มีความสามารถสูงการทำงานในส่วนต่างก็จะมีความรวดเร็วตามไปด้วย
การสื่อสาร สำหรับเครื่อง PDA นั้นก็มีให้เลือกไม่นากนักโดยมากแล้วก็จะมาพร้อมเครื่องซึ่งก็จะทำให้ผู้ใช้งานนั้นไม่ต้องดิ้นรนไปหาซื้อมาเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็น IrDA, Bluetooth หรือ Wireless ดังนั้นถ้าเครื่องใดมีลักษณะของการสื่อสารต่างๆ ที่ครบถ้วนก็จะเป็นการดีซึ่งจะทำให้เราสามารถที่จะติดต่อกับผู้อื่นได้ทันดีและยิ่งนอนนี้Bluetooth กับ Wireless กำลังเป็นที่นิยม ตัวเครื่องPDA ที่ซื้อมาใช้ก็น่าจะรองรับการทำงานในส่วนนี้ด้วย
|
อุปกรณ์ไฟฟ้าที่สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพในช่วงเวลาที่แหล่งจ่ายกำเนิดไฟฟ้าไม่สามารถให้พลังงานไฟฟ้าได้ต่อความต้องการของเครื่องใช้ฟ้าโดยเฉพาะคอมพิวเตอร์
ประเภทของยูพีเอสที่พบอยู่ในตลาดคอมพิวเตอร์ในเมืองไทย แบ่งเป็น 3 ประเภทหลักๆได้แก่ Stan by UPS (Passive Stan by UPS) Line Interactive UPS และ On line UPS แต่ละรุ่นจะมีหลักการทำงานและราคาที่แตกต่างกันไปด้วย |
ความเหมาะสมของยูพีเอสกับระดับการใช้งาน
1. Stan by UPS
เหมาะกับการใช้งานกับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วไป ซึ่งบริเวณการใช้งานอยู่ในที่ที่ไม่ค่อยมีปัญหาด้านคลื่นสัญญาณไฟฟ้าบ่อยนัก Stan by UPS นี้สามารถป้องกันปัญหาด้านแรงดันไฟฟ้าและสำรองไฟให้เท่านั้น
2. Line Interactive UPS
เหมาะกับการใช้งานกับคอมพิวเตอร์ที่มีความสำคัญของข้อมูล หรือ Server จำเป็นต้องสำรองข้อมูลไว้ เพราะแก้ปัญหาแรงดันไฟฟ้าได้ดีกว่าแบบ Stan by UPS แต่ต้องใช้ในพื้นที่ที่มีปัญหาเรื่องความถี่สัญญาณและความเพี้ยนของรูปสัญญาณ
3. On line UPS
เหมาะกับการใช้สำรองไฟให้กับคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สำคัญมากๆ เช่นคอมพิวเตอร์แม่ข่าย(Data Server) ของระบบ ธุรกิจอุปกรณ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์สื่อสาร เพราะจำเป็นต่อความต้องการคุณภาพของพลังงานไฟฟ้าที่สมบูรณ์ เพื่อใช้ในการทำงานและเก็บสำรองข้อมูล สามารถใช้งานได้ทึกพื้นที่เพราะสามารถแก้ปัญหาของระบบไฟฟ้าได้ทุกชนิด
|
1. หลีกเลี่ยงอย่าปล่อยให้โปรเจคเตอร์โดนฝุ่นละอองหรือควัน จะช่วยให้อายุการใช้งานของหลอดภาพและตัวเครื่องยาวนานขึ้น
2. ติดตั้งโปรเจคเตอร์ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวกเนื่องจากการทำงานของโปรเจคเตอร์นั้นจะเกิดความร้อนมาก ถึงแม้ตัวเครื่องจะมีพัดลมระบายความร้อนอยู่แล้วก็ตาม ควรจะให้อากาศรอบๆ โปรเจคเตอร์มีการถ่ายเทที่ดีด้วย
3. ระวังอย่าให้โปรเจคเตอร์ตกทุกครั้ง ที่มีการติดตั้งหรือวางโปรเจคเตอร์ควรตรวจดูให้แน่ใจ ว่ามีความปลอดภัยโปรเจคเตอร์อยู่ในที่ที่มั่นคง ไม่สามารถตกจากที่สูงได้
|
4. สภาพอากาศที่เลวร้ายอาจทำลายโปรเจคเตอร์ได้ อย่าใช้โปรเจคเตอร์ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูงมากหรือต่ำมากเกินไป หรือในสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ
5. การติดตั้งโปรเจคเตอร์ในที่สูง เช่น ที่เพดานห้องซึ่งเป็นที่ยาก และอันตรายควรปรึกษาช่างเทคนิคที่มีความรู้ความชำนาญจะดีกว่า
6. การทำความสะอาดเลนส์ควรปัดฝุ่นที่เลนส์ออกเสียก่อน หลังจากนั้นใช้น้ำยาเฉพาะสำหรับใช้กับเลนส์เท่านั้น ในการทำความสะอาดน้ำยาชนิดอื่นอาจทำให้เลนส์เกิดความเสียหายได้ และควรใช้ผ้านุ่มๆ ที่มีเนื้อละเอียดไม่เป็นขุย ในการเช็ดทำความสะอาด กระดาษทิชชูหรือผ้าชนิดอื่นอาจทิ้งฝุ่นละอองไว้ที่เลนส์ก็ได้
7. โปรเจคเตอร์ที่มีช่องระบายอากาศที่สกปรกจะทำให้โปรเจคเตอร์ร้อนมากขึ้น อาจจะทำให้ถึงขั้นหลอดภาพไหม้ก็ได้ ขอแนะนำว่าควรทำความสะอาดด้วยเครื่องเป่าลมทุกๆ สามเดือน แต่ถ้าสภาวะแวดล้อมมีฝุ่นมากควรทำความสะอาดช่องระบายอากาศของโปรเจคเตอร์ทุกๆ เดือน
8. อย่าเคลื่อนย้ายโปรเจคเตอร์ในขณะที่หลอดภาพกำลังทำงานอยู่ ถึงแม้ว่าได้ปิดเครื่องและถอดปลั๊กแล้วก็ตาม การเคลื่อนย้ายโปรเจคเตอร์จะทำให้อายุการใช้งานของหลอดภาพสั้นลง เกิดความเสียหายได้ง่ายและอาจทำให้หลอดภาพไหม้
|
เทคนิคการปรับระยะโฟกัส
กล้องดิจิตอลที่สามารถปรับระยะการถ่ายภาพจะแบ่งออกเป็น ส่วนของ Optical Zoom และ Digital Zoom ซึ่ง Optical Zoom นั้น จะเป็นการ Zoom โดยใช้เลนส์จริงในการเพิ่มขยายภาพ จะได้คุณภาพของภาพละเอียด และสมจริงมากกว่า Digital Zoom ที่เป็นการใช้ซอฟต์แวร์แก้ไขจำนวน Pixel ให้ขยายใหญ่ขึ้น |
ความละเอียดและระยะระหว่างหน้ากล้องกับวัตถุสำคัญมาก เพราะเมื่ออยู่ในระยะที่ห่างเกินไปสามารถใช้ Zoom in ช่วยในกรณีที่ต้องถ่ายภาพในระยะไกลในเวลากลางคืน
วิธีที่ดีที่สุดในการใช้แฟลชคือ การขยับกล้องเข้าไปให้ใกล้ หรือเข้าอยู่ในขอบเขตของระยะแฟลชให้ได้มากที่สุด แล้วใช้ Zoom out เพื่อดึงระยะภาพออกมาให้เหมาะสมแทน เพราะถ้าใช้วิธีทิ้งระยะห่างมากเกินไป ความสว่างของแฟลชจากกล้องดิจิตอลอาจสว่างไม่ถึงจนทำให้ภาพออกมา Under ได้
|
พรินเตอร์แบบฉีดพ่นหมึก (InkJet) มีการพัฒนาที่ก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะ “ภาพถ่ายดิจิตอล” ได้รับความนิยมมากขึ้น กล้องดิจิตอลได้รับความนิยมมากขึ้น โปรแกรมตกแต่งภาพมีให้เลือกมากขึ้น จะเห็นได้ว่าภาพสีสวยๆ สไตล์วัยรุ่นนั้นเป็นที่นิยมกันมาก
ผู้ผลิตพรินเตอร์พยายามพัฒนาพรินเตอร์ให้พิมพืภาพด้วยเครื่องพิมพ์ออกมา ให้เหมือนกับที่เห็นในหน้าจอคอมพิวเตอร์มากที่สุด สีสันสมจริงเหมือนภาพที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์ภาพในแล็บถ่ายภาพ
|
เห็นได้ว่ามีการพัฒนาทั้งความสามารถในการทำงานของพรินเตอร์ และการพัฒนากระดาษสำหรับอิงค์เจ็ท ซึ่งในที่สุดพรินเตอร์แบบอิงค์เจ็ทกลายเป็นอุปกรณ์ Output ที่มีเทคโนโลยีเหนือกว่าพรินเตอร์ประเภทอื่นๆ ความละเอียดของจุดสีที่ทำให้ภาพที่ได้มีความละเอียด สมจริงเหมือนภาพถ่าย
การเลือกซื้อเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท (InkJet Printer) สามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผุ้ใช้งานได้มากโดยเฉพาะผู้ที่ต้องการผลิตงานพิมพ์เป็นงานอดิเรกหรือเพื่อการบันเทิง เช่น ทำนามบัตรส่วนตัว ทำการ์ดอวยพรหรือทำธงราว ซึ่งสิ่งเหล่านี้คุณสามารถทำเองได้ ในราคาประหยัด หากคุณต้องการจะมองหาเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตสักเครื่องที่เหมาะกับการใช้งานคุณสามารถพิจารณาประเภทพรินเตอร์ได้โดยดูจาก
ลักษณะการใช้งานของคุณ
1. |
กลุ่มเริ่มต้นการใช้งาน ซึ่งการใช้งานจะไม่ซับซ้อน ส่วนใหญ่จะพิมพ์ขาว – ดำสีพื้นๆ ใช้งานไม่มากนัก ประมาณ1,000 แผ่นต่อเดือน |
2. |
กลุ่มใช้งานระดับกลาง ผู้ใช้งานต้องการได้ผลงาน อย่างรวดเร็วสีสันสวยงาม มีความคงทน ปริมาณการใช้งานเฉลี่ย 2,000 แผ่นต่อเดือน |
3. |
กลุ่มมืออาชีพหรือกลุ่มที่ใช้งานหนัก ต้องการงานที่มีความละเอียดสูง สีสันของภาพสดใสคงทน เครื่องพิมพ์ต้องสามารถรองรับการพิมพ์งานปริมาณมากเฉลี่ย 5,000 แผ่นต่อเดือน |
|
เครื่องโทรสารหรือ FAX เป็นอุปกรณ์สื่อสารที่อำนวยความสะดวก ในการรับและส่งข้อมูล เพราะสามารถส่งได้ทั้งภาพและข้อความจึงช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เครื่องโทรสารที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีอยู่ 2 ประเภท คือ เครื่องโทรสารที่ใช้กับกระดาษความร้อน และเครื่องโทรสารที่ใช้กับกระดาษธรรมดาซึ่งนิยมใช้กันมาก เครื่องโทรสารสามารถส่งต้นฉบับได้ขนาดใหญ่สุด 3 ขนาด คือ A4 , B4 และ A3 ซึ่งถ้าส่งได้ทั้ง 3 ขนาด ก็จะเป็นเครื่องโทรสารขนาดใหญ่และกลาง สำหรับเครื่องโทรสารที่สามารถส่งและรับได้ในขนาดใหญ่สุดแค่ A4 ถือว่าเป็นขนาดเล็ก มีน้ำหนักเบา |
การเลือกซื้อต้องคำนวณค่าใช้จ่ายของเครื่องเมื่อแรกซื้อ และค่าใช้จ่ายเมื่อนำเครื่องไปใช้งานนอกจากนี้ สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือ ความยากง่ายในการติดตั้ง มีการบริการหลังการขายพร้อมทั้งรับประกันสินค้า มีรายละเอียดวิธีการบำรุงรักษา และตรวจเช็คสภาพการใช้งานสำหรับผู้ใช้
คุณสมบัติของเครื่องโทรสารที่ดีต้องมีหลายด้านไม่ว่าจะเป็น การใช้งานได้กับทั้งระบบหมุน หรือระบบกดปุ่ม และโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีความรวดเร็วในการส่งเพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย สามารถเพิ่มความชัดเจนของเอกสารได้ บันทึกหมายเลขโทรศัพท์ – โทรสารได้มาก มีระบบต่อสายอัตโนมัติ และระบบป้องกันสัญญาณรบกวน สามารถป้อนกระดาษและตัดกระดาษอัตโนมัติ ตั้งเวลาในการส่งล่วงหน้าได้ พร้อมทั้งการมีระบบกระจายเอกสารโดยส่งเพียงครั้งเดียวแต่สามารถไปยังเครื่องปลายทางได้มากกว่าหนึ่งเครื่องในปริมาณมากๆ และต่อเนื่อง
|
ในปัจจุบันสแกนเนอร์ได้เข้ามามีบทบาท ต่อการทำงานมากยิ่งขึ้นเพราะเครื่องสแกนเนอร์มีประโยชน์ ในการช่วยลดกระดาษในสำนักงาน และยังสามารถเก็บภาพตัดต่อภาพ เป็นขั้นตอนของการทำภาพในเว็บเพจหรือใช้ในงานโฆษณา |
สำหรับการเลือกซื้อสแกนเนอร์ให้เหมาะสมกับงานนั้นขึ้นอยู่กับการใช้งาน ว่าต้องการเก็บรายละเอียดของภาพที่จะสแกนมากน้อยเพียงใด หรือมีเอกสารที่จะเก็บมากหรือไม่เพื่อให้การใช้สแกนเนอร์เหมาะกับการใช้งานผู้บริโภคทราบถึงคุณสมบัติหลักไว้ตามสมควร โดยจะแบ่งขนาดของเครื่องไว้เป็น 3 ระดับ ดังนี้
1. เครื่องระดับเล็ก มีความละเอียดของภาพ 600 จุดต่อนิ้ว ความคมชัดของสี 36 บิต
2. เครื่องระดับกลาง มีความละเอียดของภาพ 1,200 จุดต่อนิ้ว ความคมชัดของสี 42 บิต
3. เครื่องระดับใหญ่ มีความละเอียดของภาพ 2,400 จุดต่อนิ้ว ความคมชัดของสี 48 บิต
ส่วนใหญ่แล้วนักเรียนนักศึกษาจะใช้เครื่องขนาดเล็กและกลาง ส่วนในองค์กร หรือคนทำงานจะใช้เครื่องขนาดใหญ่ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้งานและคุณภาพที่ต้องการเป็นปัจจัยในการตัดสินใจ ปัจจุบันเครื่องสแกนเนอร์บางรุ่นได้บรรจุซอฟต์แวร์ Adobe Photo Album มาใช้ในการจัดวางภาพให้เป็นอัลบั้ม จึงเป็นการเพิ่มความสามารถในการทำงานได้มากขึ้น และยังสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ต้องการผลิตงานให้มีรูปแบบแปลกใหม่
สำหรับแนวโน้มของการพัฒนาสแกนเนอร์ผู้ผลิตจะพัฒนาให้มีความละเอียด เก็บสีได้มากขึ้นและมีการทำงานได้เร็วขึ้น เพราะผู้ใช้เห็นความสำคัญของการใช้งานมากขึ้น รวมทั้งการขยายตัวของเว็บไซต์ที่มีสูงขึ้น
|
การเลือกใช้วัสดุสิ่งพิมพ์ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการพิมพืลงไปได้อย่างดี
ผู้ที่ต้องการใช้วัสดุสิ่งพิมพ์ควรเลือกให้เหมาะสมตามจุดประสงค์ ที่ต้องการนำไปใช้โดยคำนึงถึงหลักสำคัญใหญ่ๆ อยู่ 3 ประการ คือ ระบบพิมพ์ , หมึกพิมพ์ และวัสดุที่ใช้พิมพ์
|
โดยคุณสมบัติดังกล่าวท่านสามารถนำมาพิจารณา ในการเลือกใช้วัสดุให้สอดคล้องกับงานของแต่ละงานได้ ในกลุ่มแรกที่เป็นวัสดุสำหรับเครื่องอิงค์เจ็ทสีหรือที่เรียกว่า Colour Inkjet กันก่อนซึ่งเริ่มจากในกลุ่มแรกนี้แบ่งออกได้หลายชนิด ได้แก่
1. กระดาษอิงค์เจ็ทเคลือบเงา (Supermelnkjet Paper) มีทั้งแบบเคลือบเงาด้านเดียว (Single Coated) และทั้งสองด้าน (Double Coated )
2. กระดาษโฟโต้กลอส (Glossy Photo Paper) มีความมันเงาและค่อนข้างหนาเหมือนกระดาษอัดรูป รับน้ำหมึกได้ดี
3. ฟิล์มชนิดขาวขุ่นสำหรับอิงค์เจ็ท (Glossy Inkjet Flim) พื้นผิวของแผ่นฟิล์มคล้ายกับ Glossy Photo เพราะมีความมันเงาสูงเนื้อฟิล์มเคลือบด้วยน้ำยาทำให้คงทนและฉีกไม่ขาด
4. แผ่นใสสำหรับเครื่องอิงค์เจ็ท (Inkjet Overhead Flim)เป็นฟิล์มโปร่งแสงสูงเคลือบผิวด้วยน้ำยาคุณภาพทำให้รับน้ำหมึกได้ดี
5. กระดาษอิงค์เจ็ทสำหรับ T - Shirt (Inkjet T – Shirt Transfer)เป็นกระดาษรีดลงบนเสื้อเนื้อวัสดุมีคุณภาพสูงมีสีสันสดใส มีทั้งแบบลอกร้อนและลอกเย็น สีไม่ตก
|
ที่ใช้กับเครื่องพรินเตอร์นั้นมีทั้งแบบแท้และแบบเทียม หากเป็นหมึกเทียมราคาถูกที่เอามาจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคจะสังเกตได้ว่ามีราคาต่ำกว่าตลาดค่อนข้างมากสีของกล่อง ที่บรรจุหมึกพิมพ์จะซีดจางตัวอักษรบนกล่องไม่คมชัดเมื่อใช้ไปสักพักจะมีผลหมึกเลอะออกมาในตัวเครื่อง แสดงให้เห็นถึงความไม่มีมาตรฐานในการผลิตผงหมึกนั้นอาจกระจายปะปนกับอากาศที่หายใจเข้าไปอีก ทั้งทำให้เครื่องพรินเตอร์เสื่อมเร็วขึ้นเพราะผลหมึกจะไปเกาะที่เตารีดความร้อนของเครื่อง |
สำหรับหมึกน้ำที่เติมหลายๆ ครั้งลองสังเกตดูว่าเมื่อใส่ตลับลงไปในเครื่องแล้วทดลองพิมพ์ งานมาสัก 2 – 3 แผ่นจากนั้นถอดตลับหมึกออกจะพบว่าน้ำหมึกไหลเปรอะออกมา ซึ่งถ้าหากนำกลับไปใช้ใส่ตัวเครื่องอีกจะทำให้ตัวเครื่องเกิดความเสียหายและสีสันผิดเพี้ยนไป ในขณะที่หมึกแท้มีมาตรฐานในการผลิตหมึกจะไม่ออกมาเลอะเทอะ ผลงานเอกสารของผู้ใช้สีสันสมจริงและยึดอายุการใช้งานของหัวพิมพ์คุณภาพสมราคาได้มาตรฐานงานที่ดีกว่าและถนอมเครื่องพิมพ์ให้ใช้ได้นานอีกด้วย
|
สินค้าเทคโนโลยีมีกาเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างเร็วมาก และที่กำลังมาแรงหนีไม่พ้นแผ่น DVD ซึ่งเป็นแผ่นที่กำลังได้รับความนิยมสูง กับการชมภาพยนต์ที่ให้ |