อุปกรณ์ควบคุมความเร็วรอบมอเตอร์
Variable Speed Drive : VSD

                อุปกรณ์ควบคุมความเร็วรอบมอเตอร์ (Variable Speed Drive : VSD) เป็นอุปกรณ์ควบคุมความเร็วรอบมอเตอร์ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับสภาวะของโหลด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของมอเตอร์ในชบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม ระบบปั๊มน้ำ พัดลม และระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ อุปกรณ์ VSD ใช้เทคโนโลยีแบบ Voltage Vector Control (VVC) ทำให้ประสิทธิภาพการควบคุมไม่ให้มีการสูญเสียพลังงานความร้อนในตัวมอเตอร์ (Derating) และมีอุปกรณ์กำจัดสัญญาณรบกวน (Harmonics Filters) ที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของเครื่องป้องกันการรบกวนสัญญาณควบคุมและยังส่งผลดีในการประหยัดพลังงานอีกด้วย

   
VSD นำมาใช้กับงานอะไรบ้าง
         
VSD ได้นำมาใช้อย่างแพร่หลายในทางอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ลดต้นทุนและงานทั่วไปในระบบปั๊มน้ำและระบบปรับอากาศ อาทิ

   งานด้านการผลิตในอุตสาหกรรม
 
  - เครื่องจักรกลในอุตสาหกรรมทุกประเภทที่ใช้มอเตอร์เป็นแรงขับเคลื่อน
    - ระบบสายพานลำเลียง
    - กระบวนการผลิตที่ต้องการควบคุมประสิทธิภาพและคุณภาพการผลิตให้คงที่
- อื่น ๆ

   งานทั่วไป ที่มีมอเตอร์เป็นตัวกำเนิดพลังงานกล
  
- ระบบควบคุมปั๊มน้ำ พัดลม
    - ระบบปรับอากาศในโรงงาน และอาคารขนาดใหญ่
    - การลำเลียง เช่น ลิฟท์ขนส่ง บรรไดเลื่อน
    - ระบบอัดอากาศ ระบบกำจัดคาร์บอนมอน๊อกไซด์ในที่จอดรถ ฯลฯ
    - อื่น ๆ

  
อะไรคือข้อดีของการใช้ VSD ?
   
1. สามารถปรับความเร็วรอบมอเตอร์ได้จากเดิมซึ่งคงที่ ทั้งมอเตอร์ ปั๊มน้ำ และพัดลม ทำให้ได้ความเร็วรอบที่เหมาะสมตามความต้องการทำงานในแต่ละลักษณะ และยังทำการควบคุมแบบ Closed Loop Control เพื่อให้ระบบมีเสถียรภาพคงที่อยู่ตลอดเวลา
    2. เพิ่มคุณภาพของชิ้นงานให้ถูกต้องตามความต้องการ และลดต้นทุนในการผลิต
    3. ช่วยลดการสึกหรอของเครื่องจักร และป้องกันการสูญเสียของมอเตอร์ พัดลม และปั๊มน้ำ
    4. ลดการกระชากไฟฟ้าตอนเริ่มต้น ทำให้ลดค่าความต้องการพลังไฟฟ้า โดยเฉพาะมอเตอร์ที่มีขนาดใหญ่
    5. ประหยัดพลังงาน โดยใช้พลังงานตามความจำเป็นของโหลด


แผนภูมิแสดงการใช้กำลังงานของพัดลม/ปั๊ม

  ความคุ้มค่าการลงทุน
       
      เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ สามารถเปรียบเทียบระหว่างการใช้ VSD และการไม่ใช้ VSD ได้ดังนี้ 
         สมมุติ ในงานระบบปรับอากาศที่มีขนาดใหญ่ เช่น ในโรงแรม ในอาคารขนาดใหญ่ หรือในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีมอเตอร์ขนาดใหญ่ในระบบทำความเย็น ซึ่งในที่นี่ยกตัวอย่าง 75 กิโลวัตต์ ปกติทำงาน 24 ชั่วโมงต่อวัน และประมาณการค่าไฟฟ้า และค่าดีมานด์ชาร์จ หน่วยละ 1.70 บาท โดยกรณีศึกษาจะเปรียบเทียบระหว่างกรณีการใช้ VSD และกรณีไม่ใช้ VSD ดังนี้
กรณีที่ไม่ใช้ VSD
    ในกรณีนี้จะเห็นว่า มอเตอร์ทำงานเต็มพิกัดตลอดเวลา ดังนั้นการเสียค่าไฟต่อวันจะคำนวณได้จาก
    ค่าไฟฟ้าต่อวัน = 75 กิโลวัตต์ x 24 ชั่วโมง x 1.7 บาท = 3,060 บาท/วัน
    ค่าไฟฟ้าต่อวัน = 3,060 บาท x 360 วัน = 1,101.600 บาท/ปี

   ตัวอย่าง จากรูปเป็นข้อมูลที่ได้จากการใช้ VSD ในการทำงาน โดยใช้ Pressure Transmitter เป็นตัวเซ็นเซอร์ให้กับระบบ ทำให้การทำงานของเครื่องปรับความเร็วมอเตอร์ไปตามโหลดจริงที่ต้องการใช้ซึ่งแสดงให้เห็นจากกราฟได้ดังนี้

      จากกราฟการทำงานในแต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างกัน มอเตอร์ปรับความเร็วไปตามโหลดจริงดังนี้

ช่วงเวลา จำนวนชั่วโมง % ของความเร็วรอบที่ใช้จริง
06.00 - 08.00 2 40%
08.00 - 18.00 10 20%
18.00 - 24.00 6 90%
24.00 - 06.00 6 60%

      เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ เราต้องรู้ถึงความสัมพันธ์ของพลังงาน (Power), Flow/Speed และ Pressure สัมพันธ์กันได้ดังรูปข้างล่างนี้

อัตราการไหล Flow (n) แรงดันในท่อ Pressure (n2) พลังงานที่ใช้ Power (n3)
0.0%
10.0%
20.0%
30.0%
40.0%
50.0%
60.0%
70.0%
80.0%
90.0%
100.0%
0.0%
1.0%
4.0%
9.0%
16.0%
25.0%
36.0%
49.0%
64.0%
81.0%
100.0%
0.0%
0.1%
0.8%
2.7%
6.4%
12.5%
21.6%
34.3%
51.2%
72.9%
100.0%

    เห็นได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วรอบกับพลังงาน ดังนี้
* Flow มีค่าแปรผันตามความเร็วรอบ (Speed หรือค่า n) ; Q1/Q2 = N1 /N2
* แรงดัน (Pressure) มีความสัมพันธ์ยกกำลังสองของความเร็วรอบ
(n2) ; P1 / P2 = (N1 / N2)2
* และพลังงาน = ความเร็วรอบยกกำลังสาม (n3); HP1 / HP2 = (N1 / N2)3
นั่นคือ Flow / Speed (n) = Pressure (n2) = Power (n3)

 
กรณีที่ใช้ VSD
      
เราสามารถนำข้อมูลจากตารางข้างต้นมาหาค่าพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ไป โดยความสัมพันธ์ของความเร็วรอบ (Speed :Hz) อัตราการไหลของลม (Flow) และพลังงานไฟฟ้าเป็น % เมื่อเทียบกับมอเตอร์ที่ความเร็วเต็มพิกัดที่ 75 กิโลวัตต์

ความเร็วรอบ (n) พลังงาน (n3) จำนวนกิโลวัตต์เทียบกับมอเตอร์ 75 (100%) คูณกับจำนวนชั่วโมง
100% = 1
90%   = 0.9
60%   = 0.6
40%   = 0.4
30%   = 0.3
1.03 = 1.0      = 100%
9.03 = 0.729 = 72.9%
          21.6%
            6.4%
            2.7%
100% x 75  = 75 กิโลวัตต์
72.9% x 75 = 54.7 กิโลวัตต์
                      = 16.2 กิโลวัตต์
                      = 4.8 กิโลวัตต์
                      = 2.0 กิโลวัตต์
75 x 0        = 0
54.7 x 2     = 109.4
16.2 x 10  = 162.0
4.8 x 6       = 28.8
2.0 x 6       = 12.0

จะได้จำนวนหน่วยที่ใช้ต่อวัน                                                                                       = 312.2 หน่วย

จำนวนพลังงานที่ใช้ต่อปี                 = 312.2 x 360         = 122,392
ค่าไฟฟ้าต่อปีในกรณีที่ใช้ VSD      = 112,392 x 1.70   = 191.066 บาทต่อปี
* ความแตกต่างของตัวเงินระหว่างการเลือกใช้ VSD และกรณีไม่ใช้ VSD
                                                      = 1,101,600 – 191,066         = 910,534 บาทต่อปี
* ระยะเวลาคืนทุน                           = เงินลงทุน / เงินค่าไฟที่ประหยัดได้ต่อปี
                                                      = 700,000 / 910,534             = 0.77 ปีหรือประมาณ 9 เดือน**
หมายเหตุ ** คำนวณจากตัวเลขตารางข้างต้น ระยะคืนทุนอาจแตกต่างตามการใช้งานจริง
    สรุป ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความสำคัญของการใช้ VSD สามารถช่วยลดปัญหาการสูญเสียพลังงานได้ และหากคิดในด้านการลงทุนแล้ว สามารถคืนทุนได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งสงผลดีต่อผู้ใช้งาน

 

  ที่มา : เอกสารเผยแพร่ความรู้เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย