Separately Excited
กับ Self excited
ต่างอย่างไร?
โดยพื้นฐานของดีซีมอเตอร์แบบแบบSeparately Excited
จะคล้ายกันกับSelf excited
ลักษณะโครงสร้างหลักจะประกอบด้วยส่วนที่อยู่กับที่
(Stator)
และส่วนที่หมุนเคลื่อนที่(Rotor)
หรือหากพิจารณาในรูปของวงจรสมมูลย์ทางไฟฟ้าก็สามารถแยกออกเป็น
2 วงจร
คือวงจรฟิลด์
(Field Circuit )
ซึ่งทำหน้าที่ในการสร้างสนามแม่เหล็กหลัก
และ
วงจรอาร์เมเจอร์
(Armature circuit ) ที่ทำหน้าที่สร้างสนามแม่เหล็กรอบๆ
อาร์เมเจอร์

รูปภาพแสดงคุณสมบัติด้าน
speed(n)-Torque(m)
ของดีซีมอเตอร์แต่ละชนิด
ลักษณะ
การต่อวงจรในกลุ่มของ
Self excited dc motor
ขดลวดฟิลด์(Field winding) และขดลวดอาร์เมเจอร์(armature winding)
จะต่อวงจรโดยใช้แหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าชุดเดียวกัน
และมีซื่อเรียกชนิดของมอเตอร์นั้นๆตามลักษณะการต่อวงจรเช่น
แบบดีซีมอเตอร์แบบขนาน
(DC shunt motor)
แบบอนุกรม (DC
Series
motor)
และแบบผสม(DC
Compound
motor) ดังรูป
ส่วน
Separately excited dc motor
แหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าที่ต่อเข้ากับวงจรฟิลด์
และวงจรอาร์เมเจอร์
จะแยกเป็นอิสระซึ่งกันและกัน
โดยคุณสมบัติด้านความเร็ว-แรงบิด
จะเหมือนกับมอเตอร์ดีซีแบบขนาน
ดีซีมอเตอร์มีวิธีการควบคุมความเร็วอย่างไร
จากสมการความเร็วเชิงมุม
จะพบว่าการควบคุมความเร็วของดีซีมอเตอร์ทำได้
2 วิธีดังนี้
1.ควบคุมแรงดันอาร์เมเจอร์
(Armature Voltage Control) |
Vt - Ia Ra |
Ea |
การควบคุมแรงดันอาร์เมเจอร์ทำได้โดยการกควบคุมแรงดัน
ที่จ่ายให้ขดลวดอาร์เมเจอร์ |
2.ควบคุมเส้นแรงแม่เหล็ก
(Flux Control หรือ Field control)
|
Ka ุ
(เมื่อKaคือค่าคงที่) |
ุ |
การควบคุมเส้นแรงแม่เหล็กจะควบคุมกระแสฟิลด์
ที่จ่ายให้กับขดลวดฟิลด์
โดยใช้วงจร
Control Rectifier
หรือ field regulator |
***
เพื่อให้ง่ายต่อการพิจารณาเราสามารถแยกสมการออกเป็น
2
ส่วนคือสมการส่วนที่เป็นตัวตั้ง
(Vt - Ia Ra)
ตัวแปรทั้งหมดจะเกี่ยวข้องและอยู่กับวงจรอาร์เมเจอร์
และส่วนที่เป็นตัวหาร
( Ka ๘,
ตัวแปรหลักคือ
๘
ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับวงจรฟิลด์
) |
ควบคุมความเร็วโดยใช้แบบ Self
excitedได้หรือไม่
และทำไม่ต้องใช้แบบ
Separately Excited ?
จากสมการความเร็วดังที่กล่าวมาจะพบว่าหากนำมอเตอร์แบบขนานซึ่งเป็นแบบ
Self excited มาใช้ในงานควบคุมความเร็วในกระบวนการผลิดด้วยวิธีการควบคุมแรงดันอาร์เมเจอร์โดยการเพิ่มหรือลดแรงดัน
เพื่อควบคุมความเร็วให้เปลียนแปลงตามกระบวนการผลิตที่ต้องการ
เราจะพบว่าทุกๆครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงแรงดัน
จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงค่าต่างๆทั้งในวงจรวงจรฟิลด์
และวงจรอาร์เมเจอร์
โดยเฉพาะสนานแม่เหล็กในวงจรฟิลด์จะมีค่าไม่คงที่
ทำให้การควบคุมความเร็วของมอเตอร์ทำได้ยาก (
เนื่องจากความต้านทานขดลวดฟิลด์มีค่าคงที่
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงแรงดัน
จะทำให้กระแสฟิลด์และสนามแม่เหล็กเปลี่ยนแปลงตาม
)
จากกรณีดังกล่าวจึงทำให้ดีซีมอเตอร์แบบ
Self
excited
ไม่เป็นที่นิยมในการใช้ควบคุมความเร็วในงานอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะโหลดที่ต้องการแรงบิดคงที่ตลอดย่านความเร็ว
ซึ่งในทางปฏิบัติจะใช้วิธีการควบคุมแบบกระตุ้นแยก
(วงจรฟิลด์และวงจรอาร์เมเจอร์จะใช้แหล่งจ่ายคนละชุดกัน
และแยกเป็นอิสระซึ่งกันและกัน
โดยใช้แหล่งจ่าย Vf
จ่ายให้วงจรฟิลด์
และแหล่งจ่าย Vt
จ่ายให้วงจรอาร์เมจอร์
) ซึ่งจะทำให้การควบคุมทำได้ง่ายขึ้น
กล่าวคือการควบคุมความเร็วสามารถแยกการควบคุมในแต่ละวงจรได้โดยอิสระ
เช่นหากต้องการควบคุมสนามแม่เหล็กที่วงจรฟิลด์
(กรณีต้องการความเร็วสูงๆที่เกินจากความเร็วพิกัดที่บอกบนแผ่นป้าย)
ก็ทำได้โดยลดแรงแรงดัน
Vf และคงที่แหล่งจ่าย
Vt
ที่ต่อกับวงจรอาร์เมเจอร์ให้อยู่ระดับแรงดันพิกัด
หรือในทางกลับกัน
หากต้องการควบคุมความเร็วในย่านที่ต่ำกว่าความเร็วพิกัด
ก็สามารถควบคุมแรงดันที่
Vt ได้โดยตรง และคงที่แรงดันพิกัดVf
ที่วงจรฟิลด์เป็นต้น
Armature Voltage Control กับ
Flux Control ใช้งานแตกต่างกันอย่างไร?
การควบคุมแรงดันอาร์เมเจอร์จะใช้ควบคุมความเร็วรอบมอเตอร์
ในกรณีที่ต้องการความเร็วรอบตั้งแต่มากกว่าศูนย์ขึ้นไปจนกระทั่งถึงความเร็วพิกัด
(Rated Speed)
หรือ"
base speed" ลักษณะความเร็วรอบจะเปลี่ยนแปลงขึ้น-ลง
ตามระดับแรงดันอาร์เมเจอร์
ส่วนสมรรถนะการทำงานในโหมดนี้
จะทำให้มอเตอร์สามารถสร้างทอร์คขับเคลื่อนโหลดได้ตามพิกัด
(Rated Torque)
ตลอดย่านความความเร็ว
โดยกระแสอาร์เมเจอร์
Ia
จะขึ้นอยู่กับโหลด
และกำลังทางกลหรือกำลังด้านขาออกจะเพิ่มขึ้นตามความเร็วที่เพิ่มขึ้น
ดังรูป
การใช้งานในย่านนี้จะเหมาะสมสำหรับขับเคลื่อนโหลดประเภทที่ต้องการทอร์คหรือแรงบิดคงที่
(constant Torque)

ส่วนการควบคุมเส้นแรงแม่เหล็ก
(Flux Control หรือ Field control)
ทำได้โดยการลดแรงดันที่จ่ายให้กับขดลวดฟิลด์
ซึ่งส่งผลทำให้จำนวนเส้นแรงแม่เหล็กลดลงตามกระแสฟิลด์
(สนามแม่เหล็กจะอ่อนตัวลง
,Field weakening )
และทำให้ความเร็วรอบมอเตอร์จะเพิ่มขึ้น
การใช้งานในโหมดนี้โดยทั่วไปจะใช้กับโหลดที่ต้องการความเร็วสูงกว่า
base speed
และต้องการแรงบิดลดลงเมื่อความเร็วรอบสูงขึ้น
เช่นเครื่องม้วนวัสดุ
ม้วนฟิล์ม
และแมชชีนทูลต่างๆ
เป็นต้น
การควบคุมการทำงานในโหมดนี้จะไม่เหมาะสมกับโหลดประเภทที่ต้องการแรงบิดคงที่
เนื่องจากโดยทั่วไปกำลังด้านเอาท์พุตของมอเตอร์แต่ละตัวมีค่าคงที่ดังสมการ
Po/p = T * Wm (หากขับโหลดด้วยแรงบิดตามพิกัดและหมุนด้วยความเร็วตามพิกัดบนแผ่นป้ายมอเตอร์จะจ่ายกำลังด้านเอาท์พุตทามพิกัด)
ดังนั้นหากนำไปใช้ขับโหลดที่แรงบิดคงที่ด้วยความเร็วที่สูงกว่าพิกัดบนแผ่นป้าย
จะส่งผลทำให้มอเตอร์ต้องจ่ายกำลังด้านเอาท์พุตสูงกว่าพิกัด
และเป็นอัตครายต่อมอเตอร์
(ดูคุณสมบัติของโหลดแต่ละประเภท...คลิก)
แนวโน้มระบบขับเคลื่อนทางดีซีเป็นอย่างไร ?
ในหลายปีที่ผ่านมาระบบขับเคลื่อนทางดีซีได้ลดจำนวนการใช้งานลงอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับระบบเอซี
(บางบริษัทที่เคยผลิตระบบขับเคลื่อนดีซีขายก็ดำเนินการต่อไม่ได้
ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองหรือยกเลิกการผลิต
ส่วนผู้ผลิตรายใหม่ก็ไม่มีใครคิดที่จะพัฒนาระบบนี้ขึ้นมาทำตลาด) เนื่องจากแนวโน้มและทิศทางของผู้ใช้เทคโนโลยีได้เปลี่ยนแปลงไป
เทคโนโลยีการขับเคลื่อนทางเอซี(AC
Drives)
ได้พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างมากจนสามารถใช้งานทดแทนระบบขับเคลื่อนทางดีซีได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
จึงทำให้ผู้ที่พัฒนาและออกแบบเครื่องจักรส่วนใหญ่เปลี่ยนแปลงหันมานิยมใช้
AC Drives แทน
จำเป็นที่จะต้องศึกษาเกี่ยวกับการควบคุมดีซีหรือไม่?
ถึงแม้ว่าปัจจุบันเทคโนโลยีด้านเอซีไดร์ฟ
จะพัฒนาไปถึงระดับการควบคุมแบบเวกเตอร์โดยไม่ใช้เซ็นเซอร์แล้วก็ตาม
(sensorless vector control)
แต่โดยพื้นฐานการควบคุมนั้นก็ยังพัฒนาเพื่อเลียนแบบการทำงานระบบขับเคลื่อนทางดีซี
ระบบขับเคลื่อนดีซีนั้นถือได้ว่าเป็นต้นแบบของการขับเคลื่อนทางไฟฟ้า
ดังนั้นไม่ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม
ระบบขับเคลื่อนทางดีซียังถือว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่จะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจก่อนที่จะก้าวไปสู่การเรียนรู้ในระบบอื่นๆ
ในลำดับถัดไป
|