กรณีศึกษา สิงคโปร์
โดย : Admin

Cr: Facebook - ลงทุนแมน

 กรณีศึกษา สิงคโปร์ จากฮับท่าเรือ ฮับการเงิน สู่ ฮับเทคโนโลยี ของโลก


 

สิงคโปร์ ประเทศที่เป็นเกาะขนาดเล็ก มีขนาดพื้นที่ประมาณ 726 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเล็กกว่ากรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทยมากกว่าเท่าตัว



พูดถึงสิงคโปร์ หลายคนคงคิดถึงภาพของประเทศที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางทะเล และศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก นอกจากนั้นแล้ว สิงคโปร์ยังมีความโดดเด่นในด้านเทคโนโลยีที่น่าสนใจคือ ตอนนี้รัฐบาลสิงคโปร์กำลังผลักดันอุตสาหกรรมเทคโนโลยีให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นเพื่อให้เป็น “Technology Hub” หรือศูนย์กลางเทคโนโลยี ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโลก


ปี 2019 สิงคโปร์มีประชากรประมาณ 5.7 ล้านคน มีขนาดเศรษฐกิจ หรือ GDP เท่ากับ 10.1 ล้านล้านบาท ซึ่งใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นรอง อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม แต่ถ้าเทียบเป็น GDP ต่อหัวแล้ว สิงคโปร์ไม่เป็นรองใคร

ประชากรของสิงคโปร์กลับมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงเป็นอันดับที่ 6 ของโลกและสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ประมาณ 1.8 ล้านบาท ต่อคนต่อปี


คลิปตัวอย่าง รายได้ของวิศวกรไทยที่ทำงานในสิงคโปร์

 


สิงคโปร์เพิ่งแยกตัวออกจากมาเลเซียเมื่อปี 1965 ประเทศแห่งนี้มีพื้นที่จำกัด และไม่มีทรัพยากรธรรมชาติมากและสมบูรณ์เหมือนหลายประเทศ


ถึงแม้จะมีข้อจำกัดทั้งด้านเนื้อที่ และความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร แต่สิงคโปร์พยายามอย่างหนักในการพัฒนาเศรษฐกิจ และการค้า และเน้นหนักไปที่อุตสาหกรรมบริการที่ไม่ต้องอาศัยทรัพยากรธรรมชาติ อย่างเช่น การบริการทางการเงิน และที่สำคัญคือ สิงคโปร์ มีการลงทุนและพัฒนาท่าเรือน้ำลึก ที่มีขนาดใหญ่โต และทันสมัย

 

คลิปชิปยาร์ด หรืออู่ต่อเรือของสิงคโปร์

 

ด้วยความทันสมัย ประจวบเหมาะกับทำเลที่ตั้งที่อยู่บนเส้นทางการค้าที่สำคัญ คืออยู่บนปลายสุดของแหลมมลายู ระหว่างช่องแคบมะละกาและช่องแคบสิงคโปร์ ท่าเรือของสิงคโปร์จึงกลายเป็นสถานที่สำหรับขนส่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

เรือสินค้าจำนวนมากจากยุโรป, ตะวันออกกลาง และฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ต่างใช้เส้นทางนี้ ในการขนส่งสินค้ามายังเอเชีย และสิงคโปร์ ก็เป็นศูนย์กลางสำคัญ

นอกจากการเป็นศูนย์การค้าทางทะเลแล้วสิงคโปร์ยังเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก โดยมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยที่สิงคโปร์ยังอยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักร

ในยุคล่าอาณานิคม ที่สหราชอาณาจักรเข้ามาครองดินแดนในแถบคาบสมุทรมลายู สิงคโปร์ ถูกวางให้เป็นหนึ่งในศูนย์กลางการซื้อขายสินค้าที่สำคัญของบริษัท British East India

เมื่อมีการค้าขายเกิดขึ้นมาก ก็ตามมาด้วยการขยายตัวของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการเงิน และประกันภัย เรื่อยมาจวบจนกระทั่งปัจจุบัน

จนถึงวันนี้ สิงคโปร์ ก็ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางด้านการเงิน หรือ Financial Hub ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

นอกจากเรื่องการเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลและศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกแล้ว สิงคโปร์ ยังมีความโดดเด่นในเรื่อง “เทคโนโลยี”

รู้ไหมว่า ในช่วงระหว่างปี 2012-2018 มูลค่าตามราคาตลาด (Market capitalization) ของธุรกิจเทคโนโลยีในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นจาก 281,000 ล้านบาท มาอยู่ที่ 609,000 ล้านบาท

ที่เป็นแบบนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายสนับสนุนธุรกิจสตาร์ตอัปจากรัฐบาลทำให้จำนวนบริษัทสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีของสิงคโปร์เพิ่มขึ้นจาก 2,800 บริษัทในปี 2003 มาอยู่ที่ 4,000 บริษัทในปี 2017

เรื่องที่น่าสนใจคือ ปี 2019 มูลค่าสินค้าส่งออกของสิงคโปร์กว่า 5.4 ล้านล้านบาท หรือ 46% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด มาจากสินค้าประเภทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เทคโนโลยีในการพัฒนานวัตกรรมอย่างมาก ซึ่งมูลค่าการส่งออกนี้มีสัดส่วนมากกว่า 53% ของมูลค่าเศรษฐกิจ (GDP) ของสิงคโปร์
 



และตอนนี้ สิงคโปร์ ยังตั้งเป้าจะเป็น “Technology Hub” หรือศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีระดับโลก ภายใต้โครงการที่ชื่อว่า “Tech.Pass programme”

Tech.Pass programme ถูกตั้งขึ้นมาโดยรัฐบาลสิงคโปร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงแรงงานที่มีความรู้ ความสามารถด้านเทคโนโลยีจากต่างประเทศให้เข้ามาทำงานหรือลงทุนสร้างเทคโนโลยีในสิงคโปร์

โดยโครงการนี้ อธิบายแบบคร่าวๆ ง่ายๆ ก็คือสิงคโปร์จะอนุญาตให้แรงงานที่มีความสามารถในด้านเทคโนโลยีที่ผ่านการคัดเลือก สามารถเริ่มต้นและทำธุรกิจในสิงคโปร์ รวมไปถึงการเป็นนักลงทุน พนักงาน หรือที่ปรึกษาในบริษัทที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ได้




แล้วเรื่องนี้ สิงคโปร์ จะได้อะไร?



รัฐบาลของสิงคโปร์มองว่า เรื่องนี้จะช่วยก่อให้เกิดการลงทุน การถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีจากแรงงานต่างชาติที่มีทักษะและความสามารถการมีองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีที่แน่นขึ้นในประเทศจะทำให อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสิงคโปร์มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของสิงคโปร์เติบโตขึ้นในอนาคต   ซึ่งจะเห็นว่า เทคโนโลยี กำลังมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของสิงคโปร์อย่างมากและนี่ก็คือเหตุผลที่ว่า ทำไมรัฐบาลสิงคโปร์จึงให้ความสำคัญอย่างมาก กับเรื่องการพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี

รู้ไหมว่า ทุกวันนี้ สิงคโปร์ คือที่ตั้งของ Data Center หรือศูนย์เก็บข้อมูลกลาง ของ Facebook แห่งแรกของเอเชียแปซิฟิก

รู้ไหมว่า Amazon บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลก กำลังจะขยายธุรกิจเทคโนโลยี อย่างบริการคลาวด์ Amazon Web Service และศูนย์เก็บข้อมูล (Data Center) ในสิงคโปร์ในเร็วๆ นี้

รู้ไหมว่า สิงคโปร์กำลังจะเป็นหนึ่งในที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ ByteDance บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่สัญชาติจีน เจ้าของแอปยอดนิยม TikTok


แม้จะเป็นประเทศเล็กๆ และไม่มีทรัพยาธรรมชาติอุดมสมบูรณ์เหมือนชาติอื่นๆ แต่สิงคโปร์ก็สามารถเอาชนะข้อจำกัดนั้น ด้วยการนำเอาจุดเด่นของตัวเองออกมาต่อยอด

จนสามารถเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของโลกและกำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางเทคโนโลยีที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก อย่างเต็มตัว..

 

เนื้อหาโดย: 9engineer.com (http://9engineer.com/)