Microwave Oven
โดย : Admin

เตาอบไมโครเวฟ




คําสําคัญไมโครเวฟเตาอบเตาเผา

ประวัติความเป็นมาในปี ค.ศ. 1945 บริษัทเรย์เธอร์นประเทศสหรัฐอเมริกาได้นําหลักการของคลื่นไมโครเวฟจากเรดาร์ในสงครามโลกครั้งที่สองมาใช้ในการปรุงอาหารเตาไมโครเวฟจึงเริ่มเกิดขึ้นและได้มีการวิวัฒนาการเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่นเปลี่ยนระบบเตาไมโครเวฟธรรมดามาเป็นระบบจานหมุนควบคุมการทํางานด้วยระบบ Micro Processor และนําระบบ Computer Program Card ระบบ Sensor มาใช้กับเตาไมโครเวฟและได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เตาไมโครเวฟเป็นเตาที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

 

 

ไมโครเวฟคืออะไรและทํางานได้อย่างไรไมโครเวฟเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงมากถึง  2,450  ล้านรอบต่อวินาทีมีลักษณะคล้ายกับคลื่นวิทยุแต่มีความถี่ที่สั้นกว่าหัวใจสําคัญของเตาไมโครเวฟคือตัวแม็กนิตรอนที่จะเป็นตัวเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นคลื่นไมโครเวฟซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์เพราะคลื่นไมโครเวฟเป็นคลื่นความถี่สูงมิใช่รังสีจึงไม่กระจายและสะสมในร่างกายมนุษย์ระบบการทํางานของเตาไมโครเวฟคลื่นไมโครเวฟจะพุ่งเข้าสู่อาหารจากทุกทิศทุกทางโดยรอบของผนังเตาด้านในแล้วแผ่กระจายไปสู่อาหารเมื่อคลื่นไปกระทบอาหารทําให้โมเลกุลของอาหารเกิดการสั่นและเสียดสีกันก่อให้เกิดเป็นพลังงานความร้อนทําให้อาหารสุกอย่างรวดเร็วลักษณะเช่นเดียวกับการที่เราใช้มือถูกันไปมาเร็วๆจะรู้สึกร้อนขึ้นมาทันทีจากคุณสมบัติเด่นของคลื่นไมโครเวฟที่ทําให้อาหารสุกอย่างรวดเร็วจึงเป้นการรักษาคุณค่าของอาหารไว้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นการหุงต้มอบนึ่งปิ้งย่างทอดและคุณสมบัติพิเศษที่ได้รับมากกว่าการประกอบอาหารด้วยวิธีดังเดิมหลายประการอาทิความสะดวกรวดเร็วประหยัดปลอดภัยและไร้เขม่าควันไฟคลื่นไมโคร



คลื่นไมโครเวฟมีลักษณะเด่น 3 ประการ

1.การสะท้อนกลับ  (Reflection) 
    คลื่นไมโครเวฟเมื่อไปกระทบกับภาชนะที่เป็นโลหะหรือมีส่วนผสมของโลหะคลื่นไมโครเวฟไม่สามารถทะลุผ่านภาชนะดังกล่าวได้จะสะท้อนกลับหมดดังนั้นอาหารที่ใส่ในภาชนะที่เป็นโลหะก็จะไม่สุก



2.การสงผ่าน  (Transmission)
   คลื่นไมโครเวฟสามารถทะลุผ่านภาชนะที่ทําด้วยแก้วกระดาษ ไม้  เซรามิกและพลาสติกได้ เพราะภาชนะดังกล่าวไม่มีส่วนผสมของโลหะจึงเป็นภาชนะที่ใช้ได้ดีในเตาไมโครเวฟ




3.การดูดซึม (Absorption)
   ปกติอาหารโดยทั่วๆไปจะประกอบด้วยโมเลกุลของนํ้าในอาหารซึ่งจะดูดซึมคลื่นไมโครเวฟทําให้อาหารร้อนอย่างรวดเร็วและอีกนัยหนึ่งเมื่อโมเลกุลของนํ้าดูดซึมคลื่นไมโครเวฟแล้วจะสลายตัวในทันทีไม่สะสมในอาหาร


หลักการให้ความร้อน

    การประกอบอาหารด้วยเตาไมโครเวฟนี้แตกต่างจากการประกอบอาหารด้วยเตาอบธรรมดาคือเตาอบธรรมดาให้พลังงานความร้อนโดยเปลวไฟแบบเตาอบแก็สหรือความร้อนจากขดลวดไฟฟ้าซึ่งจะทําให้อาหารสุกโดยการถ่ายเทความร้อนคือการนําการพาและการแผ่รังสีแต่เตาไมโครเวฟทําให้อาหารสุกโดยคลื่นไมโครเวฟที่มีความถี่สูงทําให้โมเลกุลของนํ้าในอาหารเกิดการสั่นสะเทือนและชนโมเลกุลอื่นๆต่อไปจนเกิดเป้นพลังงานจลน์และพลังงานจลน์นี้เองจะกลายสภาพเป็นพลังงานความร้อนจึงทําให้อาหารสุกอย่างรวดเร็วและเร็วกว่าการประกอบอาหารด้วยระบบอื่นๆโดยไม่เสียพลังงานความร้อน

 
การให้ความร้อนแบบธรรมดา                                         การให้ความร้อนแบบไมโครเวฟ


การเลือกใช้ระดับความร้อนในการประกอบอาหาร

   เตาไมโครเวฟได้วิวัฒนาการให้ความสะดวกสบายในการเลือกใช้ระดับของกําลังคลื่นไมโครเวฟในการประกอบอาหารแต่ละประเภทอย่างเหมาะสมเริ่มตั้งแต่การทําละลายอาหารแชแ่ข็ง   อุ่นอาหาร  ต้ม ตุ๋น  อบ  ย่าง ทอด และอีกมากมาย

ระดับความร้อนของเตาไมโครเวฟที่ผลิตขึ้นใช้งานส่วนมากจะมี 5 ระดับของการทํางานคือ HIGH,MEDIUM HIGH, MEDIUM, MEDIUM LOW, LOW

 

HIGH (FULL POWER)  หมายถึงกําลังแรงสุดถ้าใช้ระบบนี้ในการปรุงอาหารก็จะช่วยให้อาหารสุกอย่างรวดเร็วโดยทั่วๆไปใช้ในการปรุงอาหารประเภทปลาเบคอนผักต่างๆ  อุ่นอาหารให้ร้อน เครื่องดื่มร้อนละลายเนยและเนื้อ (ประเภทไม่เหนียว)

MEDIUM HIGH (ROAST) ระบบนี้เหมาะสําหรับอบอาหาร ปรุงงอาหารและอาหารที่สุกแล้ว  โดยทั่วไปจะใช้ระบบนี้กับประเภทอาหารดังนี้ อุ่นอาหารที่ต้องการให้ร้อน อุ่นขนมปัง ไก่ย่าง  หมูย่างและปรุงอาหารประเภทที่มีส่วนผสมของเนยแข

MEDIUM (SIMMER) ระบบนี้เหมาะสําหรับทําอาหารประเภทซุปสเต็ก ข้าวอบหมูสับ อาหารที่แช่แข็งทําแฮมเบอเกอร์ ละลายนํ้าแข็งและต้มไข่

MEDIUM LOW (DEFROST) ระบบนี้ใช้ละลายอาหารที่แช่แข็งเคี่ยวหรืออุ่นอาหารบางประเภทเท่านั้นอาหารสดส่วนใหญ่จะต้องเก็บรักษาไว้ในห้องเย็นเมื่อต้องการจะใช้ต้องเสียเวลาในการรอคอยให้นํ้าแข็งละลายหรือคลายความเย็นแต่ระบบนี้ช่วยให้ประหยัดเวลาในการละลายอาหารแช่แข็งโดยอาหารยังคงสภาพสดไว้เช่นเดิมและไม่เสียคุณค่าทางอาหาร

LOW (WORM) ระบบนี้ใช้สําหรับอุ่นอาหารที่ไม่ต้องการให้อาหารร้อนจัดเกินไปจะทําให้รสชาติและสีสันของอาหารสดกว่าการอุ่นอาหารจากเตาทั่วๆไปเพราะสามารถปรับระดับความร้อนที่เหมาะสมกับชนิดของอาหารได้ตามที่ต้องการ

 

ระดับความร้อน

กำลังคลื่นนไมโครเวฟ (%)

HIGH

100%

MEDIUM HIGH

70%

MEDIUM

50%

MEDIUM LOW

30%

LOW

20%

 


การประกอบอาหารด้วยเตาอบไมโครเวฟ

เทคโนโลยีสมัยใหม่ได้เข้ามามีบทบาทต่อการดําเนินชีวิตประจําวันของคนเรามากขึ้นรวมทั้งรูปแบบการปรุงอาหารอย่างทันสมัยด้วยเตาอบไมโครเวฟที่จะเพิ่มความสะดวกสะบายและให้คุณประโยชน์นานับประการดังนี้

•  ประหยัดเวลาเตาอบไมโครเวฟสามารถย่นเวลาในการประกอบอาหารจากนานนับชั่วโมงเหลือเพียงนาทีเท่านั้น

•  ประหยัดพลังงานไฟฟ้าเตาอบไมโครเวฟมีประสิทธิภาพสูงในการเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อนได้ถึง 50–60% ส่วนประสิทธิภาพของเตาอบไฟฟ้าแบบธรรมดามีเพียง10 %เท่านั้น  (จากเอกสารเผยแพร่ของศูนย์อนุรักษ์พลังงานแห่งประเทศไทย)

• ปรุงอาหารได้หลากหลายรูปแบบเตาอบไมโครเวฟสามารถประกอบอาหาร ต้ม ตุ๋น ผัด นึ่งได้ทุกชนิดเหมือนเตาแก๊สหรือเตาทั่วไป

• คงคุณค่าของอาหารได้ครบถ้วนเพราะการประกอบอาหารด้วยเตาอบไมโครเวฟกินเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจึงทําให้รักษาคุณค่าของอาหารไว้ได้ทั้งรสและสีสันสวยน่ารับประทาน


ภาชนะและวัสดุที่ใช้ในการประกอบอาหาร

  เนื่องจากหลักการทํางานของคลื่นไมโครเวฟก่อให้เกิดความร้อนดังนั้นภาชนะที่ใช้ในการปรุงอาหารจะต้องมีลักษณะพิเศษและมีข้อจํากัดบางประการซึ่งจะต้องไม่กระทบต่อระบบการทํางานประสิทธิภาพและคลื่นไมโครเวฟมีดังนี้

• ภาชนะกระเบื้องเช่นจานชามถ้วยหรือภาชนะก้นลึกต่างๆที่ใช้รับประทานอาหารนั้นสามารถใช้ได้ดีกับเตาอบไมโครเวฟ

• ภาชนะแก้วทนไฟภาชนะแก้วที่ใช้สําหรับเตาธรรมดาเป็นภาชนะที่เหมาะสําหรับเตาไมโครเวฟด้วยภาชนะแก้วที่ทนความร้อน เช่น ไพเร็กซ์  คอร์นนิ่งแวร์ เครื่องเคลือบเซรามิกและเครื่องปั้นดินเผา

• ภาชนะกระดาษใช้สําหรับอาหารที่ใช้ความร้อนไม่มากเช่นการอุ่นอาหารหรืออาหารที่ใช้เวลาทําให้สุกสั้นมากและสําหรับอาหารที่ไม่มีมันมาก

•  ภาชนะพลาสติกประเภทถุงพลาสติกที่ทนร้อนสามารถใช้กับเตาไมโครเวฟได้ดีและภาชนะพลาสติกที่ออกแบบมาโดยเฉพาะกับการใช้งานและต้องระบุด้วยว่าใช้กับเตาไมโครเวฟได้

• ภาชนะที่ควรหลีกเลี่ยงเช่นภาชนะโลหะภาชนะที่เคลือบโลหะหรือมีขอบเป็นโลหะเงินทองอะลูมิเนียมฟรอยด์และภาชนะประเภทไม่
 


ข้อควรระวังในการใช้เตาอบไมโครเวฟ

• อย่าพยายามบังคับให้เครื่องทํางานในขณะที่ประตูเปิดอยู่จะทําให้คลื่นไมโครเวฟรั่วไหลออกมาจนเป็นอันตรายได้

• อย่าใช้เตาอบไมโครเวฟถ้าเกิดการชํารุดเสียหายการผุกร่อนของผนังเตาประตูปิดไม่สนิทบานพับและสลักนิรภัยแตกหักและกระจกของประตูแตกจะทำให้คลื่นไมโครเวฟรั่วไหลออกมาทําอันตรายต่อผู้ใช้ได้

• ห้ามเปิดเครื่องใช้งานโดยไม่มีอาหารหรือนํ้าจะทําให้เกิดประกายไฟในเตาได้

• ภาชนะประเภทขวดที่มีอาหารบรรจุอยู่เวลานําเข้าเตาอบไมโครเวฟ จะต้องเปิดฝาออกทุกครั้งมิฉะนั้นจะทําให้ขวดแตกได้และไม่นําไข่ทั้งฟองเข้าเตาอบจะทําให้ไข่แตกกระจาย

• ห้ามทอดอาหารหรือคั่วข้าวโพดในเตาอบไมโครเวฟจะเกิดการลุกไหม้ขึ้นได้

•อย่าใช้เตาอบไมโครเวฟอุ่นสารเคมี   หรืออบผ้าหรือกระดาษที่เปียกให้แห้งเพราะจะทําให้เกิดการลุกไหม้ทําให้เตาอบชํารุดใช้การไม่ได้

• การซ่อมหรือปรับแต่งเตาอบไมโครเวฟควรได้รับการบริการจากช่างผู้ชํานาญเท่านั้น

 
การบํารุงรักษาเตาอบไมโครเวฟอย่างถูกวิธี

• ถอดปลั๊กไฟออกก่อนทําความสะอาดทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยจากไฟฟ้าและคลื่นไมโครเวฟ
• รักษาภายในเตาอบไมโครเวฟให้สะอาดอยู่เสมอ ถ้ามีอาหารกระเด็นโดนผนังภายในให้ใช้ผ้าชื้นนุ่มๆเช็ดออกหากสกปรกมากให้ใช้ผงซักฟอกอ่อนๆได้  ห้ามใช้ของมีคมขูด
• ภายนอกของเตาอบไมโครเวฟควรใช้สบู่กับนํ้าเช็ดออกแล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับชิ้นส่วนภายในเตาอบและไม่ควรให้นํ้าไหลซึมลงไปในช่องระบายอากาศได้
• หากแผงควบคุมเปียกให้ใช้ผ้าแห้งนุ่มๆเช็ดทําความสะอาดห้ามใช้ผงซักฟอกหรือของมีคมขัดถูจะทําให้แผงควบคุมเสียหายได้
• หากเกิดไอนํ้าเกาะประตูเตาอบทั้งด้านนอกและด้านในให้เช็ดด้วยผ้านุ่มๆ
• การนําจานแก้วออกมาทําความสะอาดให้ล้างด้วยนํ้าอุ่นผสมสบู่
• ขาสําหรับทําให้จานหมุนและพื้นเตาอบควรทําความสะอาดอย่างสมํ่าเสมอ
• หากจานแก้วยังร้อนอยู่ควรรอให้เย็นแล้วจึงทําความสะอาด
• ควรตั้งเตาอบไมโครเวฟไว้ในที่อากาศถ่ายเทได้ดี ควรมีช่องว่างสําหรับช่วยระบายอากาศโดยรอบข้างให้เหมาะสมไม่ควรตั้งติดผนัง

การแผ่คลื่นไมโครเวฟจากข้อมูลการตรวจวัดคลื่นไมโครเวฟที่แผ่ออกมาจากเตาไมโครเวฟจํานวน 93 เครื่องโดยใช้เครื่อง Electromagnetic Leakage Monitor Surveyor พบว่าระดับความเข้มของคลื่นไมโครเวฟที่วัดได้มีค่าระหว่าง 0-1.5 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตรซึ่งไม่เกินระดับมาตรฐานตามมาตรฐานเตาไมโครเวฟขององค่การอาหารและยาแห่งสหรัฐ (Microwave oven standard 21 CFR 1030. 10,USFDA) กําหนดระดับความเข้มของคลื่นไมโครเวฟที่แผ่ออกมาจากผนังด้านนอกโดยรอบของเตาที่ระยะ 5เซนติเมตรไม่เกิน 5 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร ผลที่ได้นี้แสดงว่าเตาไมโครเวฟที่มีจําหน่ายอยู่ในท้องตลาดจากการศึกษานี้มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ (รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ info@rmsc.cm66.com 2002 RMSC Chiangmai)

เตาไมโครเวฟนอกจากจะใช้ในการปรุงอาหารตามที่กล่าวมาแล้วยังสามารถนําไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมและทางด้านวิทยาศาสตร์ได้อีกด้วย เช่นนําไปใช้อบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือเผา

ตัวอย์างหาสารประกอบเพื่อทําการวิเคราะห์ทดสอบและวิจัยและกําลังได้รับความนิยมมากขึ้นเปผ้นลําดับเนื่องจากให้ความร้อนอย่างรวดเร็วและประหยัดพลังไฟฟ้าได้มากจึงได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านเตาไมโครเวฟอย่างต่อเนื่องและผลิตเป็นเตาเผาอุณหภูมิสูงซึ่งให้ความร้อนสูงถึง 1600 องศาเซลเซียสได้ ซึ่งจะได้นําเสนอในตอนต่อไป

 



 

ที่มา  : http://www.dss.go.th/images/st-article/pep_2_2546_microwave.pdf

เนื้อหาโดย: 9engineer.com (http://9engineer.com/)