ข้อดีของการทำงานแบบเป็นกะนอกชายฝั่งทะเล (ตอนที่ 5)
โดย : Admin


 โดย: Nong Fern Daddy  


 

 มาต่อกันให้จบดีก่า ... เหลือบริษัทฯกลุ่มสุดท้ายแล้ว Low Profile - High Profit

         มา... เรามาว่าเรื่องของเราต่อ ...

           เรามีเจ้าของบ้านแล้ว (Oil company) มีผู้รับเหมาหลักขนเครื่องไม้เครื่องมือมาตอกเสาก่อตอม่อ (Rig company) มีช่างผู้ชำนาญการเฉพาะทางมาสนองชีวิตมีสไตล์(เรื่องมาก)ก็แล้ว (Service company) เอ๊ะ ยังขาดอะไรไปน้า

           ผมว่าเรามาเริ่มที่เรื่องเงินๆทองๆก่อนดีกว่า จะได้เห็นภาพ บ้านเราหลังล่ะเท่าไรครับ เอาซะว่าแบบธรรมดาๆก็แล้วกัน ซัก 1,500,000 เป็นไง ขาดปูนสักถุง สีสักกระป๋อง หรือ บานพับประตูห้องน้ำสัก 5 บาน เราจะต้องเปิดประมูลผู้รับเหมาใหม่ ทำเรื่องเสนอราคาอย่างน้อย 3 เจ้า อีกทีไหมครับ เราก็ควบจักรยานไปร้านอาแป๊ะขายวัสดุก่อสร้างปากซอยก็หมดเรื่อง ราคาต่อหน่วยแพงหน่อย ได้ของเลย ราคาไม่ถึงพันบาท เทียบกับบ้านหลังล่ะล้านห้า ค่าแรงผู้รับเหมาหลักวันล่ะเท่าไร ค่าดอกเบี้ยธนาคารเท่าไร บ้านทั้งหลังรอบานพับประตูอันล่ะ 200 บาท 15 อัน อย่างงั้นเหรอ            

 

         ลองมาดูตัวเลขจริงๆกันมั่งรับรองว่าตาสว่างโร่ แท่นเจาะกลางทะเลเราเช่ากันคิดซะว่าราคาราวๆ 200,000 เหรียญ ต่อวัน + ค่าโสหุ้ย ค่าน้ำมัน ค่าไฟ ค่าลิคอปเตอร์ ค่าคนทำงาน ค่าอาหารเลี้ยงคน ค่าใช้จ่ายร่วมอื่นๆอีกวันล่ะ 100,000 เหรียญ เป็น 300,000 เหรียญต่อวัน ตกชม.ล่ะ 12,500 เหรียญ เป็นไงครับพระเดชพระคุณท่าน จะไม่ให้น้ำมันแพงยังไงไหว ใครว่าน้ำมันเป็นของฟรีขุดขึ้นมาได้จากใต้ดินแบบเปล่าๆสบายๆ นี่ยังไม่รวมค่าภาคหลวงเอย (ค่าสัมประทานนั่นแหละครับ) ค่าเก๋าเจี๋ยะเอย ค่าน้ำร้อนน้ำชาอีกล่ะ (อุ้ยๆ ... พอดีก่า หาเรื่องเข้าคุก อิอิ)
 

 

  บ่อก๊าซหรือบ่อน้ำมัน บ่อๆนึงเราพูดถึงราคาต่อ 1 บ่อเป็นหลักล้านถึง10ล้านเหรียญ ถ้าต้องการของเล็กๆน้อยๆประกอบการทำงานสักชิ้น หรือ อยากต่อเติมซ่อมปรับแต่งวัสดุต่างๆสักหน่อย ด้วยราคาหลักหมื่นหลักแสนเหรียญเราก็ไม่อยากจะหยุดการขุดชม.ล่ะ 12,500 เหรียญเพื่อเปิดประมูลซื้อของสัก 50,000 เหรียญสัก 4-5 วัน หรอกครับ (แต่ก็มีบางบริษัทบางกรณีเพื่อธรรมาภิบาล เหรียญเดียวก็เปิดประมูลก็มีครับ)

           พอนึกออกหรือยังครับว่าบริษัทที่ผมจัดไว้กลุ่มสุดท้ายมันทำมาหารับทานอะไรครับ ใช่ครับกลุ่มนี้เขาจะขายสินค้าและบริการกระจุกกระจิกที่จำเป็นหรือช่วยอำนวยความสะดวกต่อการทำงานเข้าข่ายจิปาถะ miscellaneous หรือ accessory พวกนี้แหละครับ นึกถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ราคาหลายหมื่นออกใช่ไหมครับ กำลังอยากจะเปิดเช็คเมล์นัดพบกะกิ๊กใหม่วัยใสปิ๊ง แล้วปรากฏว่าสายไฟขาด หรือสายจอเสีย เป็นไงครับ จังหวะนั้นมีอาแป๊ะมาขายถึงหน้าจอคอมฯเลยเส้นล่ะ 3 พันก็ควักกระเป๋าจ่าย ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าออกไปซื้อที่พันทิพเส้นล่ะ 15 บาท ถ้ายังไม่เห็นภาพ เอาอีกตัวอย่าง นัดกิ๊กสุดสวยเซ็กซี่มารอถึงห้อง (เซ็กซี่ขนาดน้องพีคดีไหม) อ้าว ตายล่ะ ลืมเอาถุงยางมา จังหวะนั้นใครเอามาขายอันล่ะ 500 ก็จ่าย ... ฮา ชัดเลย นั่นไง คุณพ่อบ้านชูจั๊กแร้เห็นด้วยกันใหญ่


แต่ก็ไม่ถือว่าฉวยโอกาสนะครับ เพราะเป็นการซื้อขายที่ถูกต้องทุกประการ เนื่องจากลักษณะการทำงานมันบังคับให้รอไม่ได้ และคนซื้อก็สามารถผลักภาระตรงนั้นไปเป็นต้นทุนราคาน้ำมันก็ได้อีก (อ้าว แล้วใครซวยล่ะ)


มีอีกหลายๆสินค้าและบริการนะครับที่ของราคาไม่มากเมื่อเทียบกับราคาหลุม แต่มีผลต่อต้นทุนหลุมโดยตรง โดยที่ราคาสินค้าเองไม่เท่าไร ยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆคือ หัวขุด ต้นทุนไม่เท่าไร แต่ถ้าทำให้ขุดได้เร็วขึ้นสัก 2 ชม. ก็ประหยัดค่าเวลาไป 25,000 เหรียญแล้ว ดังนั้นเวลาตั้งราคาขายเขาจะไม่ใช้วิธี cost plus (ต้นทุน+กำไรที่เถ้าแก่ต้องการ) แต่จะใช้วิธี Value added หรือ cost saving คือ สินค้ามันสร้างมูลค่าเพิ่ม หรือ มันประหยัดต้นทุนให้ลูกค้าได้เท่าไร ก็เอาตรงนั้นมาตั้งราคา ซึ่งมักจะบานเบอะเมื่อเทียบกับต้นทุน โกยกำไรใส่พุงสบายแฮ

อีกลักษณะของกลุ่มนี้คือ งานตามสั่งจิปาถะ เหมือนร้านอาหารตามสั่งน่ะครับ เคยได้ยินคนเรื่องมากสั่งก๋วยเตี๋ยวไหมครับ ไม่(ถั่ว)งอกไม่ตั้ง(ฉ่าย)ไม่(กระเทียม)เจียว อยากกินเย็นตาโฟ แต่ขอเป็นใส่เส้นจันแทน เอานั่นไม่เอานี่ เอาอย่างนี้ไม่เอาอย่างนั้น ลองไปสั่งแบบนี้ตามร้านเชฟดังๆซิ จะได้โดนตระกร้อลวกก๋วยเตี๋ยวลอยมากลางโต๊ะ นี่ก็เหมือนกันครับ บริษัทพวก service company เขามีมาตราฐาน และ ปริมาณขั้นต่ำของการให้บริการ ยุ่งยากไป ผิดมาตราฐานของเขา หรือ ขนาดของงานเล็กไป เขาก็ไม่มาประมูลให้เสียค่าน้ำค่าไฟ เสียเวลาไปเกาหลังเขาหรอก


บริษัทกลุ่มสุดท้ายนี่แหละครับ ที่มาเติมเต็มความต้องการ จะว่า nich (ตลาดเฉพาะ) ก็ไม่เชิง เพราะก็มีหลายบริษัททำกัน ก็พวก รับกำจัดขยะ ของเสีย ขายอาหาร ผ้าขี้ริว จารบี เสื้อผ้า รองเท้า ไปยันสินค้าเทคนิคพวกหัวเจาะ ท่อ สายสลิง ฯลฯ บริการประเภทต่างๆ เช่น ปรับ แต่ง กลึง กัด เซาะ เจาะ ขัดสีฉวีวรรณ เคลือบแข็ง ชุบโลหะเฉพาะ สารพัดบริการ จะเอาพิศดารพันลึก สเป๊กมาตราฐาน ขนิดงานอย่างไร ก็มาเจรจาต้าอวยกัน เถ้าแก่ดีดลูกคิดจดราคาใส่กระดาษยื่นให้เลย สมัยนี้ก็อีเมล์บรรทัดเดียวจบ
แต่มันก็มีบริษัทที่ผมคิดว่ามันก็ทับซ้อนกันระหว่าง service company กับ บริษัทขายสินค้าและบริการขนาดเล็กพวกนี้ คือจะใหญ่ก็ไม่ใหญ่จะเล็กก็ไม่เล็ก กำลังพอเหมาะพอดีมือ เอ๊ย ... ว่าไปนั่น ... จะ local ก็ไม่ใช่ จะ inter ก็ไม่เชิง ก็ในทุกส่วนน่ะครับ ไม่มีเส้นอะไรที่มันแบ่งได้เด็ดขาดหรอกครับ มันก็มีพื้นที่สีเทา (Gray area) อยู่ทุกๆที่แหละ


ส่วนการสมัครทำงานกับบริษัทฯกลุ่มนี้ต้องทำใจครับว่าไม่โต เพราะส่วนมากก็มีทายาทตัวตายตัวแทนของเขาอยู่แล้ว ยกเว้นอยู่บ.อินเตอร์หน่อยๆ รายได้จะดีมาก แต่สินค้าหรือบริการมีตัวเดียวหรือไม่กี่ตัว ถ้าขายได้ก็สบายแฮ อิ่มหมีพีมันประหนึ่งได้อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าขายไม่ออกก็อดอยากปากแห้งคอแห้งยังกะเป็นพรรครอร่มรัฐบาล ... ฮ่า ผมเองอย่างที่บอกไปในตอนที่แล้วว่า แจ้งเกิดกับบริษัทให้บริการเฉพาะทาง (service comnpany) แล้วก็มาโตเป็นผู้บริหารที่บริษัทอินเตอร์ในกลุ่มนี้แหละครับ (อยู่บริษัทเก่าโตยาก บริษัทมันใหญ่เหลือเกิน เอาแค่วันๆเดินไม่ให้เหยีบยตาปลากันยังลำบาก) เสร็จแล้วตอนนี้มาพักผ่อน (อิอิ อย่าเอ็ดไป) มาสิงสถิตอยู่กับบริษัทในกลุ่มแรก (Oil company) เรียกว่าอยู่มาแล้วเกือบครบวงจร ขาดแต่บริษัทแท่นเจาะ (Rig company) ซึ่งยังไม่มีอารมณ์พิศวาสแต่อย่างไรในตอนนี้

 
พวกเราที่เติบโตเป็นมือปืนรับจ้างกินค่าแรงกินเงินเดือน พอใกล้ๆเกษียณหรือไม่ทันเกษียณ พอเห็นสินค้าหรือช่องทางเครือข่ายก็ออกมา(หรือไม่ออกมาแต่ใช้เพื่อนพ้องน้องพี่หรือแม้กระทั่งกิ๊ก) ตั้งบริษัทในกลุ่มนี้ขึ้นมาทำมาหากินกันก็เยอะ ไม่ได้ผิดกฏอะไร ตราบเท่าที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ประเภทชง-อนุมัติ-สั่งซื้อ-ตรวจรับ เสร็จสรรพคนเดียว อย่างนี้มันก็น่าโดนถีบออก ...
ถ้าอยากจะทำงานกับกลุ่มบริษัทนี้แนะนำว่าควรจะเป็นบริษัทที่สองหรือที่สาม เพราะคุณจะไม่ค่อยได้ระบบระเบียบการฝึกฝนงานเท่าไร อกกแนวๆลูกทุ่งๆหรือคาวบอยๆ เพราะเน้นขายทำเงินลูกเดียว แนะนำให้หาบริษัท Inter ที่มีสาขาอยู่ในหลายๆประเทศ และมีสินค้ายี่ห้อที่เป็นที่รู้จัก และติดตลาด จะได้ไม่เหนื่อยมาก
บริษัทฯพวกนี้แหละครับ ที่จิ๋วแต่แจ็ว ไม่เทอะทะ ปราดเปรียว เข้าไวออกไว ทำอะไรๆพิศดารๆ(ให้เราได้เรียนนรู้)ได้มากกว่าบริษัทฯใหญ่ๆที่ติดกฏกติกามารยาท แต่พอแลกนามบัตรกัน อ่านชื่อบริษัทไปแปดตลบยังไม่รู้เลยว่ามีบริษัทชื่อนี้ด้ววยหรือ
เอาล่ะ จบมันง่ายๆดื้อๆตรงนี้ดีกว่า จบซีรี่นี้ซะที ใครอยากรู้อะไรในมุมไหนก็หลังไมค์หรืออีเมล์มาก็แล้วกัน ถ้าว่าง และเรื่องที่คุณอยากรู้ไม่ทำให้ผมต้องไม่ไปเหยียบริดสีดวงใครเขาล่ะก็ ผมจะเอามาแฉให้ฟังในโอกาสต่อไป ...      

    
(อ่านต้นฉบับคลิก!)
เนื้อหาโดย: 9engineer.com (http://9engineer.com/)